-
สัปดาห์ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกโดยรวมฟื้นตัวดีขึ้นหนุนโดยการขยายตัวของภาคการบริการทั่วโลกที่ดีกว่าคาด
-
จับตาทิศทางบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ โดยยีลด์ 10 ปี อาจกลับมาเร่งตัวขึ้นได้ ตามภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งและการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19
-
เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น ตามยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ที่พร้อมปรับตัวขึ้น หากข้อมูลเศรษฐกิจดีกว่าคาดมาก ทั้งนี้ ตลาดอาจลดการถือครองเงินบาท ท่ามกลางความกังวลปัญหาการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ในไทย กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง และควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงิน จากการที่ธุรกรรมจะเบาบางลง ในช่วงก่อนหยุดยาว
-
กรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.25-31.65 บาท/ดอลลาร์
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
-
ฝั่งสหรัฐฯ – แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง หนุนโดยการเร่งแจกจ่ายวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ โดย ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมีนาคม จะพุ่งขึ้นราว 5.5% จากเดือนก่อน ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ก็จะเพิ่มขึ้นกว่า 2.5% จากปีก่อนหน้า ตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและราคาสินค้าพลังงานที่ปรับตัวขึ้นอย่างมากจากระดับฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน อย่างไรก็ดี ควรระวังแรงขายบอนด์ระยะยาวอีกครั้ง หากอัตราเงินเฟ้อ CPI เร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด ซึ่งภาพดังกล่าว อาจทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนได้ จากการที่บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ อาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใสจะส่งผลให้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดย มหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of M. Consumer Sentiment) ในเดือนเมษายน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 89 จุด จาก 84.9 จุด
-
ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดการเงินมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของยุโรปมากขึ้น สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) ในเดือนเมษายนที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 79 จุด จาก 76.6 จุด ในเดือนก่อน (ดัชนีมากกว่า 0 หมายถึง มุมมองที่เป็นบวก)
-
ฝั่งเอเชีย – แนวโน้มการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์จะทำให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Cash Rate) ไว้ที่ 0.25% เช่นเดียวกับธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ที่จะเลือกคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (7D Repo Rate) ที่ระดับ 0.50% เพื่อประคับประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ส่วนในฝั่งจีน เศรษฐกิจโดยรวมยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หนุนโดยการฟื้นตัวของภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง ทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ จะโตกว่า 18% จากปีก่อนหน้า นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) จะเพิ่มขึ้นกว่า 18% จากปีก่อน ส่วนยอดการลงทุนสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Investment) จะโตได้ราว 27% และยอดค้าปลีก (Retail Sales) จะขยายตัวขึ้นกว่า 28% หนุนโดยการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown สอดคล้องกับ การปรับตัวขึ้นของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการในเดือนมีนาคม