แม้สหรัฐอเมริกาในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะมีการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วด้วยเงิน $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและกำลังวางแผนที่จะกระตุ้นอีก $2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐผ่านการยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ แต่ภาพรวมของทองคำยังไม่น่าไว้ใจ ถึงจะมีการประเมินว่าหากไบเดนยังทำเช่นนี้ต่อไป อัตราเงินเฟ้อต้องเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลาเดียวกันก็มีนักลงทุนบางกลุ่มที่คาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อยับยั้งเรื่องนี้ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจของทองคำลดลง
การที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเป็นผลมาจากความเชื่อของตลาดที่มองว่าธนาคารกลางต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อ เนื่องจากทองคำไม่ได้ให้ผลตอบแทนเหมือนดอลลาร์ (ถือครองดอลลาร์สหรัฐได้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย) การที่ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นจึงเป็นการสนับสนุนดอลลาร์สหรัฐไปในตัว ทำให้เมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเพราะมีคนนิยม ราคาทองคำปรับตัวลดลง และในทางกลับกันทองคำจะปรับตัวขึ้นในยามที่ผู้คนไม่ไว้ใจในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
เหมือนกับสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2020-2021 เมื่อปีที่แล้วตอนที่ยังไม่มีชาติใดในโลกสามารถคิดค้นวัคซีนได้ โลกที่ตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงจึงทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจนสามารถสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ และปรับตัวลดลงมาหลังจากที่โลกมีวัคซีนต้านโควิดแล้ว ผู้คนเชื่อว่าการล็อกดาวน์ค่อยๆ หายไปและโควิดก็จะกลายเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาภายในไม่ช้า เศรษฐกิจจะกลับคึกคักอีกครั้ง นั่นจึงทำให้ราคาทองคำวิ่งลงมาจากจุดสูงสุดเกิน $2,000 เหลือเพียง $1,700 โดยประมาณอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะพบว่าราคาทองคำได้วิ่งหลุดออกมาจากกรอบรูปธงขาขึ้น แต่เดิมการหลุดกรอบนี้ทำให้ตลาดคิดว่าทองคำจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้งแต่กลับกลายเป็นว่าเป็นขาลงระยะสั้น และตอนนี้กำลังทำท่าว่าจะลองทดสอบกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกรอบ
หากพิจารณาในมุมมองของฝั่งที่เชื่อว่าทองคำกำลังจะปรับตัวขึ้น เราจะเห็นว่าทองคำตอนนี้กำลังสร้างรูปแบบ double-bottom แต่การที่จะให้รูปแบบนี้สำเร็จได้ ทองคำจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการยืนเหนือแนวต้าน $1,759 ให้ได้ก่อน
ข้อควรระวัง (สำหรับนักลงทุนขาลง)
ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน ตอนนี้ฝั่งขาขึ้นมีเหตุผลสนับสนุนอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือการระบาดของโควิดระลอกที่สามในยุโรปที่ส่งผลต่อภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก ต่อให้สหรัฐอเมริกาหรือจีนจะฟื้นตัวเสร็จแล้ว แต่ถ้ายุโรปยังไม่กลับมา ทั้งสองประเทศก็ไม่อาจทำการค้าขายกับยุโรปได้อย่างแต่ก่อน สองคือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของโจ ไบเดนที่ได้กล่าวถึงไปในช่วงต้นของบทความที่อาจนำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
ในแง่ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค นอกจากการพิจารณาว่าเป็นรูปแบบ double-bottom แล้ว อินดิเคเตอร์ RSI ก็กำลังแสดงรูปแบบการกลับตัวแบบหัวไหล่ด้านหงาย (Inverted Head & Shoulder) ด้วยเช่นกัน สัญญาณนี้จะไม่ได้หมายถึงการกลับตัวในระยะสั้นๆ เท่านั้น แต่เป็นการกลับตัวในระยะยาว หากทองคำสามารถขึ้นมายืนเหนือ $1,760 ได้จะยิ่งเรียกความมั่นใจของนักลงทุนขาขึ้นให้กลับมาสนใจตลาดทองคำ
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอให้ทองคำปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นสีดำหนาด้านล่าง นั่นคือเส้นเทรนด์ไลน์ที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของเดือนพฤษภาคมปี 2019 จากนั้นจะรอให้ราคาดีดตัวกลับมาทดสอบเส้นเทรนด์ไลน์นี้ก่อนวางคำสั่งขาย
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะเทรดแบบเดียวกับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง แต่จะไม่รอให้ราคาวิ่งกลับมาทดสอบเส้นเทรนด์ไลน์ดังกล่าวเพื่อรอสัญญาณยืนยัน
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถวางคำสั่งขายได้ทันที นักลงทุนกลุ่มนี้เข้าใจถึงการบริหารความเสี่ยงและสามารถปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $1,720
- Stop-Loss: $1,760
- ความเสี่ยง: $40
- เป้าหมายในการทำกำไร:$1,600
- ผลตอบแทน: $120
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3