นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่นักลงทุนระยะยาวจะเริ่มหันกลับมาสนใจหุ้นเทคโนโลยีอีกครั้งเนื่องจากหุ้นเทคโนโลยีหลายตัวที่เคยร้อนแรงในช่วงปี 2020 กำลังอยู่ในช่วงขาลง นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังหันไปให้ความสนใจกับหุ้นวัฎจักรที่กำลังฟื้นตัวกลับมาพร้อมกับโลกที่กำลังจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
หนึ่งในหุ้นเติบโตที่น่าจับตามองในที่นี้รวมถึงหุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (NASDAQ:TSLA) ชื่อเสียงเรียงนามคงไม่ต้องพูดถึงกันมาก เพราะเทสลาเป็นบริษัทที่เติบโตมากที่สุดบริษัทแห่งหนึ่งในช่วงโควิดด้วยอัตราการเติบโตของหุ้นเกิน 740% ในปี 2020 จนสร้างสถิติหุ้นที่ทำผลงานขาขึ้นดีที่สุดของดัชนีเอสแอนด์พี 500 และเป็นผู้จุดกระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เป็นเทรนด์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน การเติบโตของหุ้นเทสลาในปีที่แล้วทำให้นายอีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทขึ้นบัลลังก์ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกแซงหน้า เจฟ เบโซส เจ้าของอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) ได้อยู่พักหนึ่ง
แม้ว่าปีที่แล้วจะเป็นปีที่สดใสของเทสลา แต่พอมาถึงปี 2021 นี้ความร้อนแรงของหุ้นเทสลากลับลดลง ปัจจุบันหุ้นเทสลาปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลแล้ว 7% หากสมมุติว่ามีนักลงทุนคนหนึ่งสามารถซื้อหุ้นเทสลาได้ที่ราคา $883.09 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดตลอดกาล ตอนนี้คนๆ นั้นจะต้องติดดอยและสูญกำไรไปแล้วมากกว่า 30%
อย่างไรก็ตาม ประวัติและลักษณะการวิ่งของหุ้นเทสลานั้นไม่เหมือนกับหุ้นอื่นๆ ที่ผ่านมาหุ้นเทสลาเป็นหุ้นที่ขึ้นเร็วลงแรงมาโดยตลอด หากคุณถือหุ้นเทสลาในวันนี้ มีโอกาสที่คุณจะได้กำไรเร็วจากการถือหุ้นเทสลา ในช่วงห้าปีล่าสุด หุ้นเทสลาปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 1300% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $654.87
บริษัทมูลค่า $3 ล้านล้านเหรียญ
คนที่ชื่อชอบหุ้นเทสลาส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในโลกอนาคตซึ่งหนึ่งในนั้นคือเคธี่ วูดส์ CEO คนดังของกองทุน ARK Investment ซึ่งปัจจุบันกองทุนนี้ก็ยังคงถือหุ้นของเทสลาอยู่ จากการวิเคราะห์ล่าสุดของ ARK ระบุว่ามีโอกาสที่หุ้นเทสลาจะขึ้นไปแตะ $3,000 ได้ภายในปี 2025 และในตอนนั้นบริษัทเทสลาจะมีมูลค่าตลาดประมาณ $3,000,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ARK ยังระบุอีกว่าเมื่อเทสลาสามารถมีมูลค่าบริษัทแตะ $3 ล้านล้านเหรียญได้ ตอนนั้นบริษัทก็จะสามารถสานฝันสร้างบริการรถแท็กซี่ไร้คนขับได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นเทสลาจะเป็นบริษัทที่มีรายละเอียดข้อมูลการขับรถแท็กซี่แต่ละคันไปจนถึงถนนทุกเส้นและถนนทุกซอยได้มากกว่าที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน นี่ยังไม่พูดถึงการขยายความสามารถนี้ออกไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
ยิ่งเทสลาเผชิญกับข่าวร้ายมากเท่าไหร่ ยิ่งดูจะเป็นเรื่องที่ดีต่อนักลงทุนมากเท่านั้น ล่าสุดดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเทสลากับตลาดจีนเริ่มจะมีรอยร้าวให้เห็น นอกจากปัญหาด้านคุณภาพที่รัฐบาลจีนร้องเรียนมาครั้งที่แล้ว ตอนนี้เทสลากำลังถูกตรวจสอบจากทางการจีนว่าเป็นสายให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ หรือไม่ ทางการจีนไม่ยอมให้เทสลานำเทคโนโลยีเข้าไปใช้กับกองทัพโดยเด็ดขาด
ในหมู่นักวิเคราะห์นั้นหุ้นเทสลาก็ยังถูกมองข้ามเมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) และไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ปัจจุบันหุ้นเทสลายังได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทเพียง 38% ในขณะที่การตั้งเป้าหมายราคาหุ้น นักวิเคราะห์มองว่าหุ้นเทสลามีโอกาสปรับตัวลดลงอีกประมาณ 14%
นอกจากนี้การสร้างกระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็ก่อให้เกิดคู่แข่งขึ้นมากมาย สตาร์ทอัพรุ่นใหม่ๆ ในประเทศจีนตอนนี้เรียกว่าต่างกำลังแย่งกันเสนอโปรเจ็คพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้กับบริษัทใหญ่ๆ ในขณะที่ฝั่งยุโรปเองบริษัทผู้ผลิตรถชื่อดังอย่างโฟล็คสวาเกน (OTC:VWAGY) และเจนเนอรัล มอเตอร์ (NYSE:GM) ได้ออกตัวแล้วว่าจะเปิดตัวรถยนต์ EV ให้ได้ภายในไม่เกินไป 2025
โดยสรุปแล้ว
มีปัจจัยเชิงลบมากมายที่เข้ามาทดสอบความร้อนแรงของหุ้นเทสลาในตอนนี้ นอกจากความสนใจของตลาดที่หันไปหาหุ้นวัฎจักรมากขึ้นแล้ว บริษัทผู้ผลิตรถยนต์อื่นๆ ก็หาใช่จะยอมแพ้ แต่ก็จะอาศัยชื่อเสียงของตัวเองที่มีมาอย่างยาวนานในการทำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าบ้างเหมือนกัน
แต่เพราะเทสลาเป็นบริษัทแรกที่เริ่มทำเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและทำสำเร็จอย่างเป็นรูปเป็นร่างอย่างจริงจัง พวกเขาจึงมีประสบการณ์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มากกว่าคู่แข่งหลายเท่า นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงควรมีหุ้นเทสลาเอาไว้ในพอร์ตระยะยาว