- บริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $11,030 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขกำไรต่อหุ้น: $0.76
สิ่งที่นักลงทุนอยากทราบมากที่สุดในรายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ขายชุดกีฬาชื่อดัง “ไนกี้” (NYSE:NKE) ในวันพรุ่งนี้คือยอดขายสินค้าของบริษัทจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อจากช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิได้หรือไม่ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่ผ่านมา ไนกี้ได้ประโยชน์อย่างมากจากการเปลี่ยนไปขายสินค้าออนไลน์บนโลก E-commerce แทนในขณะที่ห้างสรรพสินค้าถูกสั่งปิด ข้อมูลยอดขายในช่วงสามไตรมาสล่าสุดระบุว่ากำไรจากการขายสินค้าผ่านทางดิจิทัลเติบโตขึ้นมากถึง 80%
อันที่จริงยอดขายไนกี้ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือช่องทางออนไลน์ไม่ได้พึ่งมาเติบโตเพราะผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไนกี้ได้ลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อขยายช่องทางการทำธุรกิจออนไลน์มาตั้งแต่ช่วงก่อนโควิดเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการขายสินค้านอกเหนือจากการขายผ่านห้างสรรพสินค้า ในปี 2019 ไนกี้ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับร้านขายสินค้าแบบค้าส่งมากมายที่สามารถขายสินค้าของพวกเขาได้ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือยักษ์ใหญ่อะเมซอน (NASDAQ:AMZN)
การวางกลยุทธ์เช่นนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนวิกฤตโรคระบาดจะเกิดขึ้นทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของบริษัทไนกี้ นับเป็นความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้หุ้นบริษัทดีดตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของวิกฤตโควิดได้ ในปี 2020 หุ้นไนกี้ปรับตัวขึ้นมาประมาณ 40% ทำขาขึ้นได้มากกว่าดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ปรับตัวขึ้น 18% ภายในช่วงเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ขาขึ้นของหุ้นไนกี้นับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมาชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนกำลังคิดว่าหุ้นไนกี้ในตอนนี้มีราคาแพงมากเกินไป ล่าสุดหุ้นไนกี้มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $144.65 ปรับตัวขึ้นมา 2% หากนับเฉพาะตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน
การเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของไนกี้
การที่ขาขึ้นของหุ้นไนกี้ชะลอตัวอาจสะท้อนให้เห็นอัตราส่วนต่างระหว่างราคากับกำไรสุทธิของหุ้น (P/E) ล่วงหน้าที่ปัจจุบันมีตัวเลขอยู่ที่ 37 จุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยตลอดห้าปีล่าสุดที่ 29.37 จุด แม้จะดูน่ากังวลอยู่บ้างแต่เรายังเชื่อว่าไนกี้ยังมีความสามารถที่จะกวาดส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มได้มากขึ้นเพราะเรื่องราวของวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 กำลังใกล้จะเดินทางมาถึงตอนจบแล้ว
ไม่ใช่เราเท่านั้นที่เชื่อว่าไนกี้ยังมีศักยภาพที่จะขยายตลาดได้มากกว่าที่เป็นอยู่ นักวิเคราะห์อย่างเช่นคิมเบอร์ลี่ กรีนเบอร์เจอร์ (Kimberly Greenberger) แห่งมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับเป้าหมายของหุ้นไนกี้ขึ้นจาก $152 เป็น $165 ในเดือนธันวาคม เธอให้เห็นต่อความมั่นใจนี้ว่า
“ไนกี้คือบริษัทที่ขายอุปกรณ์เกี่ยวกับการกีฬาที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะปกติไนกี้ก็สามารถสร้างยอดขายได้อย่างมหาศาลอยู่แล้ว ขนาดมีวิกฤตโรคระบาดก็ยังสามารถเอาตัวรอดมาได้ แล้วทำไมในวันที่โลกเราไม่มีโควิดอีกแล้ว ไนกี้จะไม่สามารถทำกำไรได้อีก”
เธอยังกล่าวต่ออีกว่า
“ในระยะสั้น (จนถึงประมาณวันที่ 21 พฤษภาคม) ที่การกระจายวัคซีนยังไปไม่ถึงมือทุกคน ไนกี้อาจยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มตัว แต่หากชาวอเมริกันทุกคนได้รับวัคซีนจนครบก่อนวันที่ 4 พฤษภาคมตามที่ท่านประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่าไว้ ประกอบกับการใช้กลยุทธ์ “ส่งเสริมการขายให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง (Consumer Direct Acceleration)” เราเชื่อว่านี่คือหนทางสร้างกำไรในระยะยาวของไนกี้”
โดยสรุปแล้ว
นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะขายหุ้นไนกี้เพื่อทำกำไรและรอดูสถานการณ์ของบริษัทในปี 2021 เราเชื่อว่าในรายงานผลประกอบการครั้งนี้ไนกี้จะยังสามารถแสดงตัวเลขกำไรที่เอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้เช่นเคย และจะยิ่งเห็นชัดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนกลับมาอยู่ในสภาพที่พร้อมอีกครั้ง ดังนั้นแล้วหุ้นไนกี้จึงยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อและถือหุ้นเอาไว้ในระยะยาว