หากคุณเป็นคนที่มีเงินสดวางเอาไว้ในบัญชีเฉยๆ แล้วกำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่สักตัว คำถามคือตอนนี้มีหุ้นตัวไหนน่าซื้อบ้าง? ถ้าพูดถึงบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก หลักๆ ก็คงหนีไม่พ้นสามบริษัทนี้...แอปเปิล (NASDAQ:AAPL) อะเมซอน (NASDAQ:AMZN) และไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT)
ตามในความเห็นของเรา ในสามยักษ์ใหญ่นี้แอปเปิลถือเป็นตัวเลือกที่เราชอบมากที่สุด จะมีช่วงเวลาไหนน่าสนใจไปกว่าการที่หุ้นของบริษัทผู้ผลิตมือถือระดับโลกอย่าง “ ไอโฟน (iPhone)” ร่วงลงมา 15% จากจุดสูงสุดในเดือนมกราคมเพราะความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อยู่สูงเกินไป
ไม่มีใครรู้ว่าการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แต่สำหรับแอปเปิลแล้วเราเชื่อว่าต้องมีคนเชื่อว่าขาลงในตอนนี้เป็นเพียงการพักฐาน ตราบใดที่แอปเปิลยังเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก อาณาจักรของแอปเปิลไม่มีทางพังลงมาได้ง่ายๆ จากสถานการณ์ในปัจจุบัน นี่คือสามเหตุผลรองรับว่าทำไมเราถึงมองว่าหุ้นแอปเปิลยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอยู่
1. หุ้นแอปเปิลเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนรายย่อย
หนึ่งในตัวบ่งชี้หลักที่บอกเราเกี่ยวกับขาขึ้นของหุ้นแอปเปิลครั้งนี้คือความสามารถในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนรายย่อยที่เพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่โควิด-19 สร้างกระทบกับตลาดหุ้น นักลงทุนรายย่อยก็ช่วยพากันซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี จนสามารถทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นมาตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปัจจุบัน
แม้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะผ่านจุดสูงสุดมาตั้งแต่สองสามสัปดาห์ก่อน แต่จากข้อมูลทางสถิติของสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่ามีเงินจากนักลงทุนรายย่อยเพิ่มเข้ามาในตลาดลงทุนเพิ่มขึ้น 40% จากที่เคยเพิ่มเข้ามาในปี 2020 ในรายงานฉบับนี้ยังระบุเอาไว้ด้วยว่าหุ้นยอดนิยมสำหรับนักลงทุนรายย่อยในสัปดาห์ที่แล้วก็คือแอปเปิล
ยิ่งล่าสุดที่มีข่าวว่าสภาสูงของสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ยิ่งทำให้โอกาสที่เงินจะไหลเข้ามายังตลาดลงทุนในปีนี้ยิ่งมีสูงขึ้น แล้วคิดดูว่าเงินที่จะนำมาลงทุนกับหุ้นแอปเปิลในปีนี้จะมีเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าไหร่
2. เทคนิคการซื้อหุ้นคืน
เป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนระยะยาวก็คือการได้กำไรกลับคืนมาจากเงินปันผลซึ่งหุ้นแอปเปิลก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในด้านนี้ ปัจจุบันบริษัทแอปเปิลมีเงินสดอยู่ในมือมากถึง $196,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้แอปเปิลสามารถกลับไปซื้อหุ้นของตัวเองคืนเพื่อหนุนให้ราคาหุ้นตัวเองเพิ่มขึ้นอีก ด้วยการซื้อหุ้นคืน มูลค่าการถือครองหุ้นแอปเปิลของคุณจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากจะมีการกระจายรายได้ในสัดส่วนที่สูงขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นจำนวนน้อย
วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนในตำนานและถือเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแอปเปิลก็ได้ประโยชน์จากกลยุทธ์นี้ บัฟเฟตต์สามารถทำเงินได้มากกว่า $120,000 ล้านเหรียญจากการถือครองหุ้นแอปเปิล นี่คือความสำเร็จนับตั้งแต่บริษัทเบิร์กเชียร์แฮทาเวย์ (NYSE:BRKa) ของเขาเข้าซื้อหุ้นแอปเปิลตั้งแต่ปลายปี 2016
นับตั้งแต่ 2016 - 2018 เบิร์กเชียร์ได้ทำการซื้อหุ้นแอปเปิลเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งตัดสินใจขายหุ้นออกไปบางส่วนในปี 2020 และได้กำไรกลับมา $11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หุ้นที่เบิร์กเชียร์ยังถืออยู่กลับได้กำไรมากขึ้นเพราะแอปเปิลได้นำเงินของตัวเองเข้ามาซื้อหุ้นของตัวเองคืน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เขียนจดหมายบอกกับนักลงทุนที่ติดตามเขาในเดือนที่แล้วว่า
“ถึงแม้เราจะขายหุ้นแอปเปิลออกไปบางส่วน แต่ดูตอนนี้สิ! สัดส่วนการถือหุ้นแอปเปิลของเราคิดเป็น 5.4% โดยเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นมานี้เราได้มาแบบไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะแอปเปิลเป็นคนช่วยซื้อหุ้นของเรากลับมาเอง”
3.วัฐจักรการเติบโตรอบใหม่ที่รอแอปเปิลอยู่
หลังจากที่ยอดขายมือถือไอโฟนชะลอตัวลงในรอบสองสามปีหลัง ตอนนี้สัญญาณการฟื้นตัวรอบใหม่เริ่มกลับมาแล้วจากยอดขายมือถือไอโฟน 12 รุ่นล่าสุดที่สามารถรองรับ 5G ได้ ตามความเห็นของเรา ยอดขายไอโฟน 12 ตลอดหนึ่งปีของมือถือรุ่นนี้มีโอกาสขึ้นเทียบเท่าหรือแซงยอดขายตอนเปิดตัวไอโฟนครั้งแรกในปี 2014 การที่ไอโฟน 12 สามารถรองรับ 5G ได้ทำให้กระแสตอบรับไอโฟนดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่นมีรายงานจากประเทศจีนว่ายอดขายไอโฟน 12 ในไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 57%
นอกจากการขายมือถือไอโฟนแล้ว แอปเปิลยังขายอุปกรณ์แยกต่างๆ ที่ช่วยเกื้อหนุนประสบการณ์การใช้งานไอโฟนให้ดีมากยิ่งขึ้นอย่างเช่น Apple Music, iCloud, iTunes, Airpods และ Apple Watch แกดเจ็ตเหล่านี้คือผู้ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทในช่วงที่ยอดขายไอโฟนลดลง
นักวิเคราะห์จาก Evercore ISI เปิดเผยข้อมูลว่าปีที่แล้วยอดขายอุปกรณ์เหล่านี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น $54,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการเติบโตจากปี 2016 สองเท่า หากการเติบโตนี้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ภายในปี 2024 กำไรจากการขายอุปกรณ์เสริมเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเกิน $100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยสรุปแล้ว
การตัดสินใจถือหุ้นแอปเปิลในช่วงที่ราคากำลังย่อลงมาเช่นนี้ถือเป็นความคิดที่ชาญฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนที่ต้องการถือหุ้นเทคโนโลยีสักตัวในระยะยาว แผนการซื้อหุ้นคืนของแอปเปิล ยอดขายไอโฟนที่สามารถรองรับ 5G ได้และการขายอุปกรณ์เสริมจะช่วยทำให้แอปเปิลหลุดออกจากฝันร้ายนี้ไม่ช้าก็เร็ว