การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพบว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 379,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากจำนวนการจ้างงานเดิมในเดือนมกราคมที่ 49,000 ตำแหน่งคิดเป็นสองเท่า ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณร้านอาหารและผับบาร์ที่สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง การลดมาตรการคุมเข้มทางสังคมลงทำให้อุตสาหกรรมในภาคการบริการของประเทศสามารถกลับมาขับเคลื่อนได้อย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้สิ่งที่สหรัฐฯ หวังจะได้เห็นอย่างมากคือชาวอเมริกันทุกคนต้องได้รับวัคซีนภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อภาคอื่นๆ กลับมาอย่างครบถ้วนอย่างเช่นความบันเทิงและสถานบริการต่างๆ จะยิ่งเพิ่มการจ้างงานให้เติบโตขึ้นมากยิ่งกว่านี้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักลงทุนบางส่วนเป็นกังวลก็คืออัตราเงินเฟ้อ ยิ่งข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐได้รับอนุมัติจากสภาสูงแล้วและกฎหมายฉบับนี้จะได้ออกก่อนวันที่ 14 มีนาคมซึ่งเป็นวันหมดอายุของเงินเยียวยา $300 ต่อสัปดาห์ยิ่งจะเป็นตัวเร่งเงินเฟ้อและทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนมูลค่าลง วันนี้รอดูการดีดตัวขึ้นขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้เลย สิ่งที่ต้องจับตาดูหลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้วคือการเติบโตของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อว่าสามารถขึ้นได้เร็วแค่ไหน ความผันผวนในตลาดบอนด์ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของ CPI ยิ่งทำให้นักลงทุนเชื่อว่ามีโอกาสเห็นเงินเฟ้อได้เร็วขึ้น
สัปดาห์นี้ธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) และธนาคารกลางของแคนาดา (BoC) มีคิวที่จะต้องแถลงนโยบายการเงินซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับแถลงการณ์จากทั้งสองธนาคารกลางคือความกังวลเกี่ยวกับผลตอบแทนพันธบัตรฯ ที่เพิ่มขึ้นและวิธีที่ทั้งสองจะรับมือกับปัญหานี้ การกระจายวัคซีน การคงนโยบายคุมเข้มทางสังคมและยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในอิตาลีทำให้การฟื้นตัวของยูโรโซนเป็นไปได้ช้ากว่าของสหรัฐอเมริกา วันศุกร์ที่ผ่านมากราฟยูโรเทียบดอลลาร์สหรัฐเป็นคู่สกุลเงินที่ทำผลงานได้แย่ที่สุด ถ้าหาก ECB ยังยืนยันทีจะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปก็อาจทำให้สัปดาห์นี้เราจะได้เห็นกราฟที่ระดับราคา 1.18 หรือบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
นอกจากดอลลาร์สหรัฐแล้ว สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาคือผู้ที่แข็งค่ามากที่สุดเป็นอันดับสอง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% ในขณะที่กิจกรรมภาคการผลิตในเดือนที่แล้วขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สังเกตได้จากดัชนี PMI จาก IVEY ที่ขยายตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 48.4 ขึ้นมาเป็น 60 จุดและตัวเลขการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เชื่อได้เลยว่า BoC จะต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอนแม้ว่าการกระจายวัคซีนจะทำได้ช้ากว่าสหรัฐอเมริกาก็ตาม มีเพียง 6% ของจำนวนประชากรทั้งหมดเท่านั้นที่ได้รับวัคซีนเทียบกับชาวอเมริกันที่ได้รับโดสแรกไปแล้วมากกว่า 16%