ลิเทียมแร่โลหะเบาที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “ธีมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า” กำลังจะเข้ามาปฏิวัติโลกที่เรากำลังอาศัยอยู่อีกครั้ง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การหาแร่หรือการขุดแร่ลิเทียมเพราะเราสามารถหาลิเทียมได้จากพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก แต่ปัญหาอยู่ที่การสกัดแร่ตัวนี้ออกมาจากข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ธุรกิจนี้สร้างกำไรให้กับบริษัทที่สามารถสกัดแร่ลิเทียมออกมาได้เป็นอย่างมาก วันนี้ผมจึงอยากจะมาแนะนำบริษัทสัญชาติแคนาดาที่มีประสบการณ์ด้านการสกัดแร่ลิเทียมโดยตรงมาให้ได้ทราบข้อมูลเพื่อประกอบการลงทุน
บริษัทนี้มีชื่อว่าสแตนดาร์ด ลิเทียม (OTC:STLHF) (TSXV:SLL)ป็นบริษัทจากแคนาดาที่ไม่ได้เข้าไปทุบหิน ขุดเหมืองหรือใช้เวลาเป็นสัปดาห์เป็นเดือนเพื่อสกัดแร่โดยตรง แต่บริษัทนี้ใช้วิธีทำงานร่วมกับบริษัทที่ยินดีจะลงทุนลงแรงโดยตรง บริษัทบุคคลที่สามเหล่านี้ไม่ได้รับสกัดแร่ลิเทียมเป็นหลักแต่พวกเขายังขุดแร่ทองแดง แร่เหล็ก นิกเกิลและแร่อื่นๆ ด้วย ที่สำคัญบริษัทเหล่านี้ไม่ใช่บริษัทโนเนม พวกเขามีประวัติการทำงานที่เป็นมืออาชีพ มีเครื่องมือครบครันมากพอที่สแตนดาร์ด ลิเทียมจะวางใจทำสัญญาระยะยาวให้สกัดแร่ลิเทียมให้พวกเขาเป็นหลัก
นอกจากการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทเหล่านี้ภายในประเทศ สแตนดาร์ด ลิเทียมยังใช้กลยุทธ์เดียวกันกับการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทขุดเหมืองสัญชาติเยอรมันที่มีประวัติการทำงานมายาวนานถึง 158 ปี บริษัทนั้นมีชื่อว่า Lanxess (OTC:LNXSF) มีศูนย์ใหญ่อยู่ที่เมืองเคิล์น เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่สี่ของเยอรมัน ที่ Lanxess พวกเขาเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทน้ำมันหล่อลื่น สารหน่วงการติดไฟ ธาตุโบรมีน (ส่วนประกอบสำคัญของยางลบ พลาสติก) ไฟเบอร์กลาสส์และส่วนประกอบจากไฟเบอร์อื่นๆ
ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทเกิดขึ้นบนพื้นที่ประมาณ 150,000 เอเคอร์ หากพวกเขาทำงานร่วมกันและประสบความสำเร็จขึ้นมาทั้งคู่จะกลายเป็นสองบริษัทที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาจากแร่ธาตุและเคมีภัณฑ์ต่างๆ ได้มากที่สุดในโลก นอกจากนี้สแตนดาร์ด ลิเทียมจะได้โอกาสในการสกัดแร่ออกมาในปริมาณมหาศาลจากบ่อน้ำเกลือจำนวนนับร้อยที่มีอยู่ในปัจจุบันได้เช่นเดียวกับที่เรามีแนวโน้มว่าจะต้องการสิ่งของมากขึ้น
ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 บริษัทสแตนดาร์ด ลีเธียมประกาศว่าบริษัทได้ส่งลิเทียม คลอไรด์ ออกไปได้ 20,000 ลิตร และได้ซึ่ง 20,000 ลิตรนี้เป็นตัวเลขที่นับรวมการแปรรูปให้เป็นลิเธียมคาร์บอนเนตได้สำเร็จโดยใช้กระบวนการแบทช์แบบเดิมและกระบวนการ SiFT ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ สแตนดาร์ด ลีเทียม เรียกขั้นตอนแรกในเครือข่ายนวัตกรรมนี้ว่า “การสกัดลิเทียมโดยตรง” (Direct Lithium Extraction (DLE) Demonstration Plant)
DLE ใช้เทคโนโลยี“ LiSTR” ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ สแตนดาร์ด ลิเทียมซึ่งออกแบบมาเพื่อประมวลผลการไหลของน้ำเกลืออย่างต่อเนื่อง 50 แกลลอนต่อนาทีจากบริษัท Lanxess เมื่อเปลี่ยนเป็นลิเธียมคาร์บอเนตจะเทียบเท่ากับการผลิตลิเธียมคาร์บอเนตปีละ 100-150 ตันต่อปี
นอกจากนี้ สแตนดาร์ด ลิเทียมยังมีโรงงานสกัดลิเทียมคาร์บอนเนตอยู่ในเมืองริชมอนต์ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาโรงงานแห่งนี้สามารถใช้ลิเทียมคลอไรด์ในการผลิตลิเทียมคาร์บอนเนตได้อย่างมหาศาล บริษัทกล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า
“SiFT ได้ผลิตผลึกลิเธียมคาร์บอเนตที่มีความบริสุทธิ์สูงจากลิเธียมคลอไรด์นี้และตอนนี้พร้อมที่จะรับผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจากโรงงานของสแตนดาร์ด ลิเทียมเพื่อเปลี่ยนเป็นลิเธียมคาร์บอเนตให้เป็นแบตเตอรี่คุณภาพในขั้นตอนสุดท้าย”
ด็อกเตอร์แอนดี้ โรบินสัน ประธานและ COO ของบริษัทแสดงความเห็นผ่านโน๊ตของเขาว่า
“เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากเทคโนโลยีการสกัดแร่โดยตรงของเรา (DLE) จากโรงงานในอาร์คันซอ ที่ผ่านมาเราได้พยายามสร้างผลิตภัณฑ์จากลิเทียมคลอไรด์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาที่โลกกำลังให้ความสำคัญกับการหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น นี่คือช่วงเวลาแจ้งเกิดของพวกเรา ถึงเวลาแสดงให้โลกเห็นว่าพวกเรามีความพยายามมากแค่ไหนในการสร้างเทคโนโลยีแบตเตอรี่พลังงานไฟฟ้าที่เป็นของโลกใหม่”
สแตนดาร์ด ลิเทียมไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ ล่าสุดพวกเขามีโปรเจ็คที่จะซื้อที่อีก 45,000 เอเคอร์ซึ่งอยู่ในทะเลทรายโมเฮวี แคลิฟอร์เนีย และยังคงมองหาสถานที่ทำโรงงานสร้างผลิตภัณฑ์จากลิเทียมอย่างต่อเนื่อง ความลุ่มหลงในลิเทียมมากมายเช่นนี้ จึงทำให้ผมกล้าที่จะลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทสแตนดาร์ด ลิเทียม เพราะผมเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว เราจะได้ขับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนที่จะเป็นรถยนต์พลังงานสันดาปซึ่งเป็นตัวแทนของเทคโนโลยียุคเก่า