🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

หุ้น Peloton จะสามารถกลับขึ้นมาได้หรือไม่หลังจากลงไป 25%

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 04/03/2564 17:56
ARKK
-
PTON
-

ปี 2021 ไม่ใช่การเริ่มต้นที่งดงามเท่าไหร่สำหรับเปโลตอง (NASDAQ:PTON) บริษัทผู้ให้บริการฟิตเนสออนไลน์สตรีมมิ่ง นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบันหุ้นของเปโลตองร่วงลงไปแล้วมากกว่า 21% ทั้งๆ ที่ปี 2020 เคยเป็นปีที่หุ้นเปโลตองวิ่งขึ้นมากถึง 500%

ผลงานของหุ้นเปโลตองในตอนนี้ถือว่าย่ำแย่กว่ากองทุน ETF อาร์ค อินโนเวชัน (NYSE:ARKK) ซึ่งเป็นกองทุนที่ถือหุ้นเฉพาะเทคโนโลยีที่เชื่อว่าจะมาเปลี่ยนแปลงโลก ขนาดว่าตอนนี้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายอย่างหนักแต่ราคากองทุนอาร์คก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 5%

ขาลงของหุ้นเปโลตองในตอนนี้สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนบางส่วนเริ่มเป็นกังวลว่าธุรกิจของเปโลตองได้ผ่านจุดรุ่งเรืองที่สุดมาแล้ว ก่อนหน้านี้ที่หุ้นเปโลตองขึ้นมาได้เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้เกิดการล็อกดาวน์ในหลายๆ พื้นที่ของประเทศซึ่งยิมไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการPTON Weekly TTM

จากความเห็นของเรา ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาขาลงของเปโลตองจริง ในระยะสั้นพวกเขามีปัญหาเกี่ยวกับการจัดหาเครื่องออกกำลังกายมาให้กับลูกค้า ส่วนในระยะยาวพวกเขามีปัญหาว่าถ้าวิกฤตโควิด-19 จากไปแล้ว ผู้คนจะออกไปใช้ชีวิตตามปกติดังเดิม นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนปิดคำสั่งซื้อของหุ้นเปโลตองและขอออกไปยืนดูสถานการณ์ในภาพรวมก่อน

ในรายงานผลประกอบที่วัดถึงช่วงสิ้นเดือนธันวาคมนั้น โปโลตองเผยว่าบริษัทกำลังขาดแคลนอุปรกรณ์ออกกำลังกายทรงจักรยานมากที่สุด ลูกค้าบางคนถึงกับติมาเลยว่าระยะเวลาที่ให้รอนั้นยาวนานเกินกว่าที่จะ “ยอมรับได้” นอกจากนี้ CEO ของบริษัทยังกล่าวในรายงานผลประกอบการครั้งนั้นว่าเครื่องออกกำลังกายแบบสายพานวิ่งก็จะล่าช้าตามไปด้วย สาเหตุเป็นเพราะเครื่องออกกำลังกายส่วนใหญ่มักจะถูกผลิตออกมาในเดือนพฤษภาคมมากกว่าที่จะเป็นช่วงสิ้นเดือนมีนาคมเพื่อให้ทันความต้องการของผู้คนในภูมิภาคอื่นอย่างเช่นสหราชอาณาจักร

การออกกำลังกายคือกิจกรรมที่อยู่เคียงข้างมนุษย์มาเสมอ

เพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลนและความสามารถในการผลิตที่เกิดขึ้น เปโลตองได้ตัดสินใจซื้อบริษัท Precor ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ฟิตเนสในราคา $420 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะใช้เงินอีกมากกว่า $100 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาการขนส่งอุปกรณ์ทั้งทางน้ำและทางอากาศ 

ถึงจะเผชิญปัญหาเช่นนี้ แต่ตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดก็ยังชี้ว่าเปโลตองยังมีกำไรเติบโตขึ้น 128% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 และกำไรในแต่ละไตรมาสสามารถขึ้นยืนเหนือหลัก $1,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้เป็นครั้งแรก ยอดผู้สมัครเป็นสมาชิกของบริการจากเปโลตองเพิ่มขึ้น 134% ในขณะที่ยอดผู้ใช้งานที่เป็นสมาชิกผ่านโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อื่นๆ ทะยานขึ้น 472% จนตอนนี้บริษัทมียอดผู้ใช้งานรวมแล้ว 4.4 ล้านคน

คำถามสำคัญก็คือว่า “เมื่อโควิดจากไปแล้ว เปโลตองจะสามารถรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ได้อย่างไรหากผู้คนพร้อมที่กลับเข้ายิมและใช้ชีวิตตามปกติ?”

หนึ่งในตัวบ่งชี้โอกาสเติบโตของเปโลตองได้ดีที่สุดคือยังมีลูกค้าบางคนยินดีที่จะจ่ายเงินมากถึง $2,000 ต่อเดือนเพื่อที่จะใช้บริการปั่นจักรยานอยู่ที่บ้านและปฏิเสธที่จะกลับไปยิมซึ่งมีแต่ผู้คนแออัด หมายความว่าบริการของเปโลตองนั้นยังสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง

จิลล์ วู้ดเวิร์ด CFO ของเปโลตองให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Wall Street Journal ว่า

“ในความเห็นของเรา การระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคได้เข้าใจตัวเองในมิติของการออกกำลังกายมากขึ้น บางคนยังคงชอบบรรยากาศการได้ออกไปเจอผู้คนที่ยิม บางคนชอบความเป็นส่วนตัวและต้องการออกกำลังกายภายในบ้านของตัวเอง สิ่งที่เราต้องทำต่อจากนี้คือพัฒนาเงื่อนไขบริการสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกเพื่อให้พวกเขาเห็นว่าการออกกำลังกายที่บ้านได้สิทธิประโยชน์มากกว่าการออกไปยิมอย่างไร”

นักวิเคราะห์ลงความเห็นว่าหุ้นเปโลตองอาจสามารถขึ้นได้อีก 30% จากระดับราคาปัจจุบันที่ $166.35 ภายในระยะเวลาสิบสองเดือนหากว่าบริษัทสามารถหาวิธีจัดการปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ออกกำลังและสามารถพัฒนาระบบสมาชิกให้มีความน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น

โดยสรุปแล้ว

ในระยะสั้นหุ้นเปโลตองจะยังได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนอุปกรณ์ออกกำลังซึ่งส่วนตัวแล้วขาลงตอนนี้เรามองว่าคือการย่อเพื่อเข้าซื้อในระยะยาว ตราบใดที่การออกกำลังกายยังเป็นกิจกรรมที่อยู่คู่กับมนุษย์ เทคโนโลยีที่เข้ามาตอบโจทย์จะยิ่งช่วยกระตุ้นความอยากออกกำลังกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย