-
ดัชนีS&P 500 เป็นดัชนีเดียวที่ปิดตลาดสหรัฐฯ สัปดาห์ที่แล้วด้วยการติดลบ 0.2% นักลงทุนเริ่มเป็นกังวลว่าการเพิ่มขึ้นของกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลฯ จะทำให้คนหันไปถือพันธบัตรมากกว่าหุ้น เพราะนอกจากจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า นักลงทุนบางคนเริ่มกลัวแล้วว่าขาขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้อยู่สูงเกินไป แต่หากมองอีกด้าน การที่พันธบัตรรัฐบาลปรับตัวสูงขึ้นก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) พิจารณาหยุดซื้อสินทรัพย์ ลดสภาพคล่องเร็วขึ้น
หุ้นสี่กลุ่มที่ทำผลงานปรับตัวขึ้นได้ดีเมื่อวันศุกร์ที่แล้วได้แก่หุ้นในกลุ่มวัสดุอุปกรณ์(+1.8%) กลุ่มพลังงาน (+1.7%) กลุ่มอุตสาหกรรม (+1.6%) และกลุ่มการเงิน (+1.2%)ซึ่งการเพิ่มขึ้นของหุ้นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นผลลัพธ์ของการเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบอย่างชัดเจน เพราะหุ้นเหล่านี้คือกลุ่มที่เคยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ นอกจากการปิดบวกเมื่อวันศุกร์แล้ว หากพิจารณาผลงานของหุ้นในกลุ่มทั้งสี่นี้ตลอดทั้งสัปดาห์จะพบว่าล้วนแล้วสามารถปิดตัวเป็นบวกได้
ในขณะเดียวกันดัชนีแนสแด็กเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสามารถปิดบวกได้ 0.07% ดัชนีรัสเซล 2000 คือผู้ที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดคิดเป็น 2.05% มีเพียงดัชนีดาวโจนส์เท่านั้นที่ไม่สามารถทำราคาปิดให้สูงกว่าจุดสูงสุดของวันพฤหัสบดีได้ แต่ถึงกระนั้นเมื่อพิจารณาจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้วพบว่าลักษณะการวิ่งของกราฟดัชนีแนสแด็กน่าเป็นห่วงที่สุด
เมื่อพิจารณารูปแบบแท่งเทียนของกราฟรายสัปดาห์จะเห็นว่าแท่งเทียนของแนสแด็กมีราคาเปิดสูงกว่าจุดสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ตอนปิดสัปดาห์กลับมีราคาปิดที่ปรับตัวลดต่ำลงมาเกิดเป็นรูปแบบที่ชื่อว่า “Dark Cloud Cover” ที่บ่งบอกว่ามีโอกาสที่สัปดาห์นี้จะเป็นขาลงของแนสแด็ก แต่การที่ไส้ของแท่งเทียนมีสัดส่วนของแท่งมากกว่า 30% ทำให้อีกนัยหนึ่งก็สามารถตีความได้ว่าการโต้กลับของขาขึ้นมีกำลังมิใช่น้อยและอาจสามารถมองได้ว่าฝั่งที่ทำการเทขายลงมานั้น ไม่ใช่กลุ่มที่ต้องการจะให้ราคาปรับตัวลงอย่างแท้จริง
ตลาดลงทุนยังสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องท่ามกลางความหวังของนักลงทุนที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของตลาดที่เริ่มฟื้นตัวหลังจากได้เห็นประสิทธิภาพการกระจายวัคซีน นอกจากนี้ตลาดลงทุนยิ่งมีความเชื่อมั่นเมื่อได้เห็นตัวเลขทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวกลับมา พระเอกขี่ม้าขาวผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนมกราคมที่สามารถกลับมาเติบโตได้มากถึง 5.3% กระโดดขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ 1.1%
สาเหตุที่ตัวเลขยอดค้าปลีกมีความหมายกับตลาดลงทุนมากมีอยู่สองเหตุผลใหญ่ๆ หนึ่งคืออเมริกาเป็นประเทศที่พึ่งพาการบริโภคภายในมากถึง 70% การที่ตัวเลขยอดค้าปลีกดีขึ้นหมายความว่าผู้บริโภคกล้าที่จะใช้เงินเพื่อจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เหตุผลข้อที่สองคือการอัดเงินเข้าสู่ระบบเริ่มแสดงอาการของภาวะเงินเฟ้อออกมาแล้วซึ่งเหตุการณ์นี้ยังอธิบายด้วยว่าทำไมกราฟพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงได้ปรับตัวขึ้น นักลงทุนต้องการที่จะเทพันธบัตรรัฐบาลชุดเก่าออกและรอซื้อชุดใหม่ที่ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น
กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 13 จุดเบสิส กลายเป็นขาขึ้นที่มากที่สุดในรอบหกสัปดาห์ ตอนนี้กราฟกำลังเผชิญหน้ากับแนวต้านจากเส้นค่าเฉลี่ย 100 สัปดาห์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเป็นวันที่สองติดต่อกันสวนทางกับกราฟพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐติดอยู่ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย 100 และเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน แสดงให้เห็นว่ากราฟยังเลือกทิศทางไม่ได้ ก่อนหน้านี้ดัชนีดอลลาร์ได้สร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) เสร็จเรียบร้อย แต่ราคาก็ยังปรับตัวลงมาต่ำกว่าเส้น neckline อีกรอบ สัปดาห์นี้ต้องรอดูว่าราคาจะปรับตัวลดลงมาต่ำกว่า 90 จุดอีกครั้งหรือไม่ เพราะการกลับลงมาดังกล่าวจะเป็นการทะลุเส้นเทรนด์ไลน์ลงมาด้วย
แม้ดอลลาร์จะอ่อนค่า แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะพาทองคำกลับขึ้นไปได้
หากมองผ่านๆ โดยที่ไม่ต้องพิจารณาอะไรมากจะเห็นว่าราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาลง กราฟทองคำกลับเข้ามาอยู่ในกรอบราคาขาลงอีกครั้งและกำลังทดสอบจุดต่ำสุดที่ $1,760 นอกจากนี้ราคาทองคำยังถูกกดด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 วัน สิ่งสุดท้ายที่ทำให้เราคิดว่าทองคำจะยังอยู่ในแนวโน้มขาลงต่อไปคือการที่ราคาทองคำสามารถลงมาเกินครึ่งหนึ่งของระยะเป้าหมายของขาลงจากกรอบธงรูปขึ้นที่สร้างมาตั้งแต่เดือนมกราคม
ราชาแห่งสกุลเงินดิจิทัล บิทคอยน์ ยังมุ่งหน้าขึ้นสู่ดวงจันทร์โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
ขาขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ทำลายการวิเคราะห์ของเรามาตลอดทุกสัปดาห์ ครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราก็ได้วิเคราะห์ตอนที่บิทคอยน์อยู่ที่ $51.555 ว่ามีโอกาสที่ราคาจะกลับตัว แต่ก็อย่างที่เห็นว่าบิทคอยน์ตอนนี้สามารถขึ้นไปแตะ $57,000 ได้แล้วและยังวิ่งขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เราไม่กล้าที่จะวิเคราะห์ว่าสัปดาห์นี้บิทคอยน์จะมีโอกาสลงอีกจากการเกิดแท่งเทียนรูปแบบโดจิ แต่การที่อีลอน มัสก์ ผู้ปั่นราคาบิทคอยน์ให้ขึ้นมาตลอดเรื่องพูดแล้วว่าราคาบิทคอยน์ตอนนี้อยู่สูงเกินไป ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาบิทคอยน์ได้
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงต่ำกว่า $60 ต่อบาร์เรลเมื่อโรงกลั่นน้ำมันในรัฐเท็กซัสเริ่มกลับมาผลิตน้ำมันแม้จะยังไม่ 100% ก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกนคาดว่าราคาน้ำมันอาจไม่ปรับตัวลดลงมากกว่านี้เพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นและโอเปก+ พลัสยังคงอยู่ในช่วงลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบขึ้นเผชิญกับแนวต้านที่ลากมาตั้งแต่จุดสูงสุดของปี 2008 จนแท่งเทียนปิดแท่งในรูปแบบดาวตก (Shooting Star) แท่งเทียนที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้จะมีส่วนสำคัญกับการเลือกทิศทางน้ำมันดิบในระยะยาว
ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดถูกคำนวณเป็น EST)
วันอาทิตย์
20:30 (ประเทศจีน) รายงานตัวเลขดอกเบี้ยอัตราเงินกู้ของธนาคารกลางจีน: ตัวเลขครั้งก่อนออกมาที่ 3.85%
วันจันทร์
04:00 (เยอรมัน) ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจโดย Ifo: คาดว่าจะปรับตัวขึ้นจาก 90.1 เป็น 90.5
วันอังคาร
02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานจำนวนคนว่างงานที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน: อาจเพิ่มขึ้นจาก 7.0K ขึ้นเป็น 35.0K
05:00 (ยูโรโซน) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI): คาดว่าจะคงที่อยู่ที่ 0.9% แบบปีต่อปี
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก CB: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาะ 89.3 เป็น 90.0
10:00 (สหรัฐฯ) แถลงการณ์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรส
20:00 (นิวซีแลนด์) การประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางนิวซีแลนด์: คาดว่าจะคงที่อยู่ที่ 0.25%
วันพุธ
02:00 (เยอรมัน) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าตัวเลขแบบไตรมาสต่อไตรมาสจะคงที่อยู่ที่ 0.1%
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 842K ขึ้นเป็น 855K
10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะลดลงจาก -7.258M เป็น -2.429M
วันพฤหัสบดี
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน: คาดว่าจะลดลงจาก 1.1% เป็น 0.7%
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 4.0% ขึ้นเป็น 4.1%
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลดลงจาก 861K เป็น 843K
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยที่รอการจำนอง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -0.3% เป็น -0.1%
วันศุกร์
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคล: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -0.2% เป็น 2.5%
วันเสาร์
20:00 (ประเทศจีน) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 51.3 เป็น 51.6