ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จบวันศุกร์ที่ผ่านมาด้วยความผันผวนเล็กน้อย นักลงทุนเริ่มทยอยขายหุ้นที่ได้เปรียบในช่วงโควิดและหันกลับมาลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฐจักรที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ดัชนีแนสแด็กปิดสัปดาห์ติดลบไป 1.6% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.7% ในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์สามารถกลับขึ้นมาเปิดอยู่ในแดนบวกได้เพียง 0.1% เท่านั้น
สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ก็ยังมีเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่น่าจับตาอยู่ นอกจากการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ของบางบริษัทยักษ์ใหญ่แล้ว ความสนใจของนักลงทุนจะมุ่งไปอยู่ที่แถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรส แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นไร สัปดาห์นี้เราก็มีหุ้นหนึ่งตัวที่น่าถือและหุ้นหนึ่งตัวที่น่าทิ้งมาฝากอีกเช่นเคย แต่ก็ต้องย้ำว่าบทความนี้มีผลเฉพาะสัปดาห์นี้เท่านั้น
หุ้นน่าถือ: Palantir
สตาร์ทอัพผู้มีความชำนาญในการวิเคราะห์ข้อมูล Big Data โดยใช้ AI ในการคำนวณ Palantir (NYSE:PLTR) คือหุ้นที่เราแนะนำให้ถือเอาไว้ในสัปดาห์นี้ หลังจากปรับตัวลดลงมาตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ 17% ตอนนี้ดูเหมือนว่าหุ้นของ Palantir สามารถหลุดแนวโน้มขาลงและสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง หุ้น Palantir ได้โอกาสคืนชีพเมื่อเคธี วูด CEO ของบริษัท ARK Invest ประกาศซื้อหุ้นของ Palantir เข้ามาเอาไว้ในพอร์ตการลงทุน
CEO ของ ARK Invest (NYSE:ARKK) ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น Palantir เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการได้น่าผิดหวัง ซ้ำเดิมขาลง 34% ในรอบหกวันล่าสุดซึ่งเคธี่เห็นว่านี่คือจังหวะการย่อลงที่ดี ล่าสุดหุ้น Palantir มีราคาปิดอยู่ที่ $29.00 มีมูลค่าตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น $43,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากมูลค่าตลาดของ Palantir จะเพิ่มขึ้นแล้ว อัตราส่วนยอดขายต่อราคาหุ้น (P/S) ยังมีตัวเลขอยู่ที่ 47 จุด กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนรายย่อยเป็นจำนวนมากและเป็นที่พูดถึงในกลุ่มนักลงทุนเรดดิทที่ก่อนหน้านี้ได้ปั่นราคาหุ้นของ GameStop (NYSE:GME) และ AMC (NYSE:AMC) ขึ้นมาจนเป็นที่ฮือฮาไปทั้งโลก ความน่าสนใจของหุ้น Palantir อาจทำให้นักลงทุนพากันเข้ามาถือหุ้นตัวนี้มากขึ้นในสัปดาห์นี้
หุ้นน่าทิ้ง: Apple
หุ้นของบริษัทผู้ผลิตมือถือชื่อดัง iPhone อย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) อาจประสบปัญหาในแนวโน้มขาขึ้นสัปดาห์นี้ หากพิจารณากราฟหุ้นแอปเปิลทางเทคนิคแล้วจะพบว่าราคาได้ส่งสัญญาณขาลงออกมาหลายครั้งจากการวิ่งหลุดเส้นค่าเฉลี่ยลงมาบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อวันศุกร์ที่แล้วหุ้นแอปเปิลมีราคาอยู่ที่ $129.87 ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาล 12% มีมูลค่าตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น $2,170,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยปกติแล้วนักลงทุนมักจะยึดเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันเป็นตัววัดแนวโน้มในระยะสั้น นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนที่หุ้นแอปเปิลปรับตัวลดลงมามีราคาปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย นอกจากเส้นค่าเฉลี่ยแล้ว ยังมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าหุ้นแอปเปิลกำลังจะเข้าสู่แนวโน้มขาลงเมื่อราคาสามารถหลุดเส้นเทรนด์ไลน์หลักที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดเดือนมีนาคมลงมาได้
สัญญาณขาลงของแอปเปิลครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ถึงหุ้นแอปเปิลจะเป็นผู้ที่ทำผลงานขาขึ้นได้ดีที่สุดในปี 2020 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 80% จากความต้องการ iPhone 12 ที่เพิ่มขึ้น แต่ตลอดทั้งปีนี้ หุ้นแอปเปิลปรับตัวลดลงมาแล้ว 2.1% แม้ว่าแอปเปิลจะพึ่งรายงานตัวเลขผลประกอบการที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้อย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นแอปเปิลคือการขายหุ้นแอปเปิลออกของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ หนึ่งคือ Vanguard Group ที่ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาลดจำนวนหุ้นแอปเปิลที่ถือเอาไว้จาก 1.28 พันล้านหุ้นลดลงมาเหลือ 1.26 พันล้านหุ้น เช่นเดียวกับบริษัทของตำนานนักลงทุนอย่างวอร์เรน บัฟเฟต เบิร์กเชียร์ แฮททาเวย์ (NYSE:BRKa), (NYSE:BRKb) ที่ปรับลดหุ้นแอปเปิลในพอร์ตลงมาจาก 994.3 ล้านหุ้นเป็น 887.3 ล้านหุ้น