ดูเหมือนว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่เอ็กซอน โมบิล (NYSE:XOM) จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับคืนมาได้สำเร็จ หุ้นเอ็กซอนสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้มากกว่า 50% ภายในระยะเวลาสามเดือนทั้งที่ปี 2020 นั้นนับได้ว่าเป็นปีแห่งหายนะของวงการผู้ผลิตน้ำมัน การมาของวัคซีนนั้นทำให้ตลาดเชื่อว่าฝันร้ายของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาใกล้จะจบสิ้นลงแล้วหลังจากที่ต้องตัดงบการเงินในส่วนต่างๆ ลงมากมายเพื่อเอาตัวรอด แต่ก่อนที่จะไปถึงหัวข้อที่ว่า “ควร” หรือ “ไม่ควร” ลงทุนในหุ้นเอ็กซอน โมบิลนั้น ก่อนอื่นผู้อ่านควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทในช่วงก่อนหน้านี้บ้าง
การรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 นั้น เอ็กซอน โมบิลยังคงทำสถิติรายงานผลประกอบการติดลบอีกหนึ่งไตรมาส ทำให้กลายเป็นสถิติการประกาศตัวเลขผลประกอบการติดลบสามไตรมาสติดต่อกัน ในไตรมาสที่ 4 เอ็กซอน โมบิลขาดทุนไป $19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สภาพคล่องของบริษัทซึ่งรวมการจ่ายปันผลแล้วก็หายไป $20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้อยู่เบื้องหลังความพินาศนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก “โควิด-19”
ตัวเลขติดลบของเอ็กซอน โมบิลนี้เลวร้ายกว่าการรายผลประกอบการของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อื่นๆ การขาดทุนนี้ทำให้เอ็กซอน โมบิลไม่มีโอกาสแม้แต่จะเก็บเงินไว้เพื่อขยายตลาดหรือหาพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันเพิ่มในปีที่แล้ว บริษัททำได้เพียงเอาตัวรอดจากมรสุมครั้งนี้ไปให้ได้ การขาดทุนของเอ็กซอนนำไปสู่ความจำเป็นที่ต้องปลอดพนักงานออกและยังทำให้เอ็กซอน โมบิลต้องถูกขับออกจากดัชนีดาวโจนส์ที่สังกัดมานานกว่า 83 ปีเพราะมูลค่าตลาดของบริษัทลดลง
ท่ามกลางความยากลำบาก มีสิ่งหนึ่งที่เอ็กซอน โมบิลไม่ยอมปล่อยมือเลยก็คือความสามารถในการมอบเงินปันผลให้กับนักลงทุน เอ็กซอน โมบิลยอมเป็นหนี้มากขึ้นแต่ไม่ยอมลดตัวเลขการปันผล จนนักลงทุนและนักวิเคราะห์จากหลายสถาบันกังวลว่าเอ็กซอนจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรและมีข่าวลือเกิดขึ้นว่าเอ็กซอน โมบิลอาจควบรวมกิจการเข้ากับคู่แข่งคนสำคัญอย่างเชฟรอน (NYSE:CVX)
กลยุทธ์ใหม่เพื่อเอาตัวรอด
เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนคืนมา ดาร์เรน วูดส์ CEO ของเอ็กซอน โมบิลจึงได้ประกาศแผนการลงทุนชุดใหม่ บริษัทจะนำเงินไปลงทุนกับการพัฒนาต่อยอดสินทรัพย์เดิมที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดเช่นการพัฒนาแหล่งขุดน้ำมันในกายอานาและ Permian Basin นอกจากนี้ เอ็กซอน โมบิลยังมีแผนที่จะเปิดแหล่งสำรวจน้ำมันเพิ่มขึ้นในประเทศบราซิลและพัฒนาเคมีภัณฑ์ที่ผสมลงไปในน้ำมันเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้น้ำมันที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
การที่ราคาปิดของหุ้นเอ็กซอน โมบิลสามารถขึ้นมาปิดที่ $50.61 ได้เมื่อคืนนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนรู้สึกวางใจและเชื่อมั่นในแผนการดังกล่าว ขาขึ้นเมื่อวานนี้คิดเป็นการปรับตัวขึ้นมากกว่า 50% จากค่าเฉลี่ยของราคาหุ้นเอ็กซอนในไตรมาสที่แล้วในขณะที่หุ้นบริษัทคู่แข่งคนสำคัญอย่างเชฟรอนสามารถปรับตัวขึ้นได้เพียง 25% เท่านั้นในช่วงเวลาเดียวกัน
สำนักข่าว CNBC รายงานว่านักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังหลายแห่งอย่างเช่น เจพี มอร์แกน โกลด์แมน แซคส์ เวลล์ ฟาร์โกและมอร์แกน สแตนเลย์ต่างมีความเห็นตรงกันและแนะนำให้ถือหุ้นของเอ็กซอน โมบิล การมาของวัคซีนนั้นทำให้นักวิเคราะห์เหล่านี้มีความเห็นในทางบวกกับตลาดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากขึ้น สถานการณ์ที่เริ่มกลับมาเป็นบวกนี้ช่วยบริษัทเอ็กซอน โมบิลให้รอดพ้นจากการคาดการว่าต้องหั่นเงินปันผลรายไตรมาสที่ $0.87 ลงได้ ที่สำคัญ ตอนนี้เปอร์เซ็นต์การปันผลรายปีของเอ็กซอน โมบิลได้ดีดกลับขึ้นมาเป็น 7% แล้วและกลายเป็นหนึ่งในหุ้นบริษัทสหรัฐฯ ยักษ์ใหญ่ที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้
สถานการณ์ตลาดน้ำมันที่ดีขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันเบรนท์ล่วงหน้าสามารถปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ $60.10 บาร์เรลได้ ในช่วงที่เบรนท์กลับขึ้นมายืนเหนือ $50 ต่อบาร์เรล วูดส์ได้ใช้โอกาสนั้นเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่าบริษัทยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามปกติและยังมีเงินมากพอที่จะไปลงทุนต่อยอดพัฒนาความสามารถในการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมในปีนี้
โดยสรุปแล้ว
การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันจากการลดกำลังการผลิตลงของกลุ่ม OPEC ถือเป็นการช่วยชีวิตลูกแกะที่หลงทางอย่างเอ็กซอน โมบิลให้กลับเข้าที่เข้าทางได้ถูกต้องถูกเวลาจริงๆ เมื่อนำปัจจัยเชิงบวกตามที่เขียนไปในบทความมาประกอบกับความสามารถในการปันผลให้กับนักลงทุนแม้ต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงใด ทำให้หุ้นเอ็กซอน โมบิลเป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุนระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ตลาดพลังงานในปีนี้จะฟื้นตัวได้ดีแค่ไหนขึ้นอยู่กับความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก ปัจจัยนี้ยังถือเป็นความเสี่ยงในระยะยาวสำหรับบริษัทเอ็กซอน โมบิล