สรุป ราคาทองคําวันศุกร์ทีผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip ของนักลงทุน ขณะที่แรงซื้อทองคํากายภาพจากจีนในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน และแรงซื้อจากอินเดียฟื้นตัวขึ้นหลังจากราคาทองคําปรับตัวลดลงแรงในวันทําการก่อนหน้า สะท้อนจากดีลเลอร์ในจีนทีเรียกเก็บค่าพรีเมียมทองคําราว 0.50-5 ดอลลาร์ ส่วนค่าพรีเมียมทองคําในอินเดียปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 6 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ราคาทองคํายังได้รับแรงหนุนจากการกลับมาอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิมขึ้น 49,000 ตําแหน่งในเดือนม.ค. “ตํ่ากว่า” ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า อาจเพิมขึ้น 50,000 ตําแหน่ง และสะท้อนว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานยังมีความไม่แน่นอนสูง ส่วนประธานาธิบดีไบเดนได้ออกมาเตือนว่าหากสหรัฐยังคงมีการสร้างงานในอัตราปัจจุบัน ก็จะต้องใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าที่จะกลับไปสู่ภาวะการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ
สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจนเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคําฟื้ นตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,814.93 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคํายังคงเป็นไปอย่างจํากัด เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานที่ยังคงอยู่ในระดับตํ่า จะเร่งให้สภาคองเกรสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิมเติมซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อสินทรัพย์เสียงจนบั่นทอนความต้องการทองคํา ทําให้สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคําปรับตัวลดลง 1.9% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค.
ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -3.33 ตัน สําหรับวันนี้ไม่มีกําหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
ราคาพยายามแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานราคา ระหว่างวันหากราคาทองคําไม่หลุด 1,805 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อ โดยจะมีแนวต้านบริเวณ 1,830-1,851ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับแรก กรอบด้านล่างจะอยู่ที 1,784 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับตําสุดของเดือนก.พ.)
คําแนะนํา เน้นทํากําไรระยะสันจากการแกว่งตัว โดยการเข้าซื้อมีแนวรับบริเวณ 1,805-1,784 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,784 ดอลลาร์ต่อออนซ์) และหากราคา ขยับขึ้นควรแบ่งขายทํากําไรบางส่วนหากราคาทองคําไม่ผ่านโซน 1,830-1,851 ดอลลาร์ต่อออนซ
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International