หากคุณเป็นคนที่สามารถทำกำไรออกมาได้จากหุ้น GameStop (NYSE:GME) เราก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย คุณเป็นคนโชคดีที่ไม่ต้องเผชิญการขาดทุนอย่างที่นักลงทุนรายย่อยอื่นๆ ที่ออกจากสงครามครั้งนี้ไม่ทัน อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยว่ามีคนขาดทุนรวมกันมากถึง $167 ล้านเหรียญสหรัฐภายในวันเดียวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจากภาวะฟองสบู่หุ้น GameStop แตก หากนับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นสงครามหุ้น GameStop มาจนถึงวันจันทร์ของสัปดาห์ที่แล้วจะพบว่าหุ้น GameStop ปรับตัวขึ้นมาทั้งสิ้นรวมแล้วคิดเป็น 1,745%
หุ้นอีกหนึ่งตัวที่ถูกปั่นขึ้นมาเช่นเดียวกันกับหุ้น GameStop คือหุ้นของธุรกิจโรงภาพยนตร์ AMC Entertainment (NYSE:AMC) ได้มีการปรับตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกันประมาณ 839% ในช่วงเวลาที่หุ้น GameStop ร่วงลงมากกว่า 95% เป็นเวลาห้าวันติดต่อกัน หุ้นของ AMC ก็ได้ปรับตัวลงมามากกว่า 70% จากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 27 มกราคม
หากคุณไม่ได้ลงทุนกับหุ้น GameStop เพื่อแก้แค้นเหล่าผู้บริหารกองทุน นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะได้เข้าใจถึงสัจธรรมของตลาดหุ้นว่า “ขาขึ้นตลอดไปไม่มีอยู่จริง” ความเสี่ยงสูงสุดของการลงทุนคือการเข้าซื้อในช่วงเวลาที่ควรขาย เชื่อได้ว่าตอนนี้มีนักลงทุนเป็นจำนวนมากที่นั่งน้ำตาตกกับการตัดสินใจต้องตัดขาดทุนขายหุ้น GameStop ไปในขณะที่คนที่เข้ามาถือตั้งแต่ $17 ได้เอาเงินกำไรไปเสพสุขเรียบร้อย นี่คือสามบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนสาย “เรียนรู้ด้วยตัวเอง” ควรทราบจากมหากาพย์ GameStop
1. การควบคุมความเสี่ยง
หัวใจสำคัญของการลงทุนคือการบริหารความเสี่ยง การซื้อหุ้นเพียงตัวสองตัวโดยหวังว่าจะสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากการเก็งกำไรถือเป็นหนทางสู่หายนะ นักลงทุนที่อยู่ในตลาดมานานจะรู้ดีว่าแต่ละรอบของวัฐจักรการลงทุนนั้นควรจัดสรรปันส่วนหุ้นที่มีอยู่ในพอร์ตอย่างไร โดยส่วนมากแล้วนักลงทุนที่มีประสบการณ์จะกระจายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างๆ เช่นพันธบัตร หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้จะคานกันเองในแต่ละรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
2. มองหาหุ้นระยะยาวที่ไว้ใจได้
อีกหนึ่งบทเรียนสำคัญที่ได้จากมหากาพย์หุ้น GameStop ก็คือการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นเรื่องของระยะยาว นอกจากจะมองหาบริษัทที่ชอบแล้ว การลงทุนในหุ้นตัวไหนสักตัวไม่ควรพิจารณาจากความสามารถในการทำเงินได้ในแต่ละวันเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงหุ้นที่จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในสภาพเศรษฐกิจทุกรูปแบบ หากวางกลยุทธ์เช่นนี้คุณจะสามารถจัดพอร์ตการลงทุนของคุณให้มีทั้งหุ้นที่เติบโตและปันผลได้ดี มีเงินสดที่เป็นสภาพคล่องเพียงพอที่จะยืนอยู่ได้ทั้งในช่วงเวลาที่ดีและร้าย
3.จงศรัทธาในหุ้นที่คุณเลือกมา
เมื่อได้เราได้ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนมาอย่างเพียงพอแล้ว สิ่งที่ต่อไปที่นักลงทุนทุกคนต้องมีคือ “ความศรัทธาในตัวเอง” ความศรัทธาในที่นี้หมายถึงความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองว่าหุ้นที่เราเลือกมานั้นผ่านการคิดพิจารณามาเป็นอย่างดีแล้ว นายเบนจามิน เกรย์แฮม นักลงทุนชื่อดังเคยกล่าวเอาไว้ว่านักลงทุนที่ดีนั้นจะต้องสามารถทนนั่งดูหุ้นของตัวเองปรับตัวลดลงไปได้อย่างน้อย 5 ปีหรือ 33% เป็นอย่างต่ำได้
ในความเห็นของเราแล้วหุ้น GameStop และหุ้นชื่อดังอื่นๆ ที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกันนี้ไม่ถือว่าเป็นหุ้นระยะยาวที่น่าลงทุนเพราะหากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่นักลงทุนรายใหญ่มองนั้นเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในระยะยาว แต่ถ้าหุ้นที่คุณเลือกมานั้นเป็นหุ้นที่ผ่านการไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้ว คุณก็ควรที่จะศรัทธาในหุ้นตัวนั้นเอาไว้ให้มาก
ช่วงที่ตลาดลงทุนร่วงลงไปยังจุดต่ำสุดเดือนมีนาคมปีที่แล้วถือเป็นตัวอย่างที่ดี หากหุ้นที่คุณเข้าซื้อในช่วงนั้นเป็นหุ้นที่มีการเติบโตในระยะยาว จากวันนั้นจนถึงวันนี้เชื่อได้เลยว่าคุณคงจะกำลังนั่งอมยิ้มมีความสุขกับการตัดสินใจที่ถูกต้องในอดีต นี่คือคุณสมบัติที่ดีข้อหนึ่งของหุ้นที่ไม่ได้มีมูลค่าขึ้นมาจากการเก็งกำไร