หากเป็นนักลงทุนมานานจะทราบดีกว่าการรายงานตัวเลข NFP ถือเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญและผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดของฝั่งสหรัฐอเมริกา ในปี 2020 เราได้เห็นแล้วว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ยังไม่มีวัคซีนสร้างผลกระทบต่อตัวเลข NFP มากแค่ไหน สำหรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนมกราคมที่จะรายงานในวันนี้นั้น นักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานจะกลับมาจากตัวเลขติดลบ 140,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ผลสำรวจจากบริษัทเอกชนของสหรัฐฯ เผยว่ามีโอกาสที่การจ้างงานจะกลับมาได้อย่างน้อย 50,000 ตำแหน่ง ตารางด้านล่างได้แสดงข้อมูลให้เห็นแล้วว่ามีเหตุผลรองรับการกลับมาของการจ้างงานในเดือนที่แล้วมากมาย
โดยปกติแล้วนักลงทุนสามารถใช้พฤติกรรมราคาเป็นตัวบอกใบ้ได้ว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใด หาก NFP เพิ่มขึ้นจริง ดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าต่อเนื่องและอาจส่งกราฟ EUR/USD ลงไปทดสอบแนวรับที่ 1.19 ส่วนกราฟ USD/JPY นั้นมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับราคา 105.60 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเดือนพฤศจิกายนได้มากกว่าโดนมีแนวต้านถัดไปรออยู่ที่ 106 ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน
เหตุผลสนับสนุนว่าตัวเลข NFP จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ตัวเลขคาดการณ์การจ้างงานนอกภาคการเกษตรจาก ADP เพิ่มขึ้นจาก 78,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคมเป็น 174,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม
- ดัชนีการจ้างงานที่ไม่เกี่ยวข้องในภาคการผลิตจาก ISM เพิ่มขึ้นจาก 48.7 เป็น 55.2
- ดัชนีการจ้างงานในภาคการผลิตจาก ISM เพิ่มขึ้นจาก 51.7 เป็น 52.6
- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากซีบีเพิ่มขึ้นจาก 87.1 เป็น 89.3
- ตัวเลขเฉลี่ยของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสี่สัปดาห์ลดลงมากที่สุดในรอบสองเดือน
- ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
เหตุผลสนับสนุนว่าตัวเลข NFP จะปรับตัวลดลง
- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากมหาลัยมิชิแกนลดลงจาก 80.7 เป็น 79
“ตัวเลข GDP ของอังกฤษอาจสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนโควิดได้ภายในปีหน้า เพราะตอนนี้เรากำลังประสบปัญหาด้านการกระจายวัคซีน อย่างไรก็ตามนี่จะเป็นปัญหาแค่ชั่วคราว เมื่อทุกอย่างกลับมาดำเนินได้ตามปกติ สถานการณ์โควิดก็จะคลี่คลายลงรวมไปถึงมาตรการคุมเข้มทางสังคมด้วย” - BoE กล่าว
นอกจากนี้ BoE ยังกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อนั้นเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อาจสามารถขึ้นแตะ 2% ภายในช่วงต้นปี 2022 แม้ปอนด์จะปรับตัวขึ้นแต่ก็ไปไม่ได้ไกลมากเพราะถูกแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐกดเอาไว้