หากพูดถึงข่าวที่ดังที่สุดในวงการตลาดลงทุนสัปดาห์ที่แล้วคงไม่มีใครไม่พูดถึงสงครามระหว่างนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันที่เกิดขึ้นกับหุ้นเกมสต๊อป (NYSE:GME) สำนักข่าวการเงินบางแห่งถึงกับบอกเลยว่าพฤติกรรมการลงทุนแบบนี้จะเปลี่ยนนิยามการลงทุนในแบบที่เรารู้จักไปตลอดกาล ไม่มีใครคิดว่าวันหนึ่งจะได้เห็นภาพเดวิดสามารถลากยักษ์โกไลแอทลงมาปู้ยี่ปู้ยำได้
แม้ตลาดลงทุนจะได้รับผลกระทบจากสงครามนี้จนส่งให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีราคาปิดต่ำลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่านายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กลับไม่ได้แสดงท่าทีที่ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์นี้มากนักในการประชุมของเหล่าผู้วางนโยบายการเงินเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ประธานเฟดไม่ยุ่งเรื่องในวอลล์ สตรีทเพื่อมีเรื่องที่ใหญ่กว่าให้จับตา
เมื่อมีคนถามเจอโรม พาวเวลล์ว่ามีความเห็นอย่างไรที่เห็นเงินกำลังไหลออกจากตลาดผ่านบิทคอยน์และเกมสต๊อปเพราะความกลัวที่มีต่อภาวะฟองสบู่แตก? เจอโรม กลับตอบกลับมาด้วยความเชื่อมั่นว่า
“ผมมองว่าเสถียรภาพทางการเงินในภาพรวมตอนนี้อยู่ในระดับที่ดี”
สำหรับเจอโรม พาวเวลล์แล้ว เขายังมองว่าสงครามครั้งนี้ยังสร้างความเสียหายน้อยกว่าสิ่งที่โควิดทำ มีคนอเมริกามากกว่าหนึ่งล้านคนที่ยังตกงานส่งผลให้ความสามารถในการผลิตของอเมริกาตกต่ำจนเฟดต้องยอมทิ้งอัตราดอกเบี้ยที่พยายามรักษามานานลงมาเหลือ 0%-0.25% ในปัจจุบัน สิ่งที่เฟดประเมินว่าจะทำให้เศรษฐกิจอเมริกาเดินหน้าไปสู่สภาวะฟองสบู่ได้จริงๆ คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แม้จำเป็นต้องมีแต่ก็ต้องจับตาดูการเติบโตของเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด
“เป้าหมายในภาพรวมของพวกเราคือการทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตอนนี้ไม่ได้แน่นขนาดที่หลายๆ คนวิตก การจะเกิดภาวะฟองสบู่ยังต้องมีปัจจัยอีกหลายอย่างมาประกอบ” เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดกล่าว
เชื่อว่าไม่มีใครอยากเห็นภาพที่เหล่ากองทุนเฮจฟันด์ล้มครืนลงมาจนถึงขั้นยื่นล้มละลายเพราะพ่ายแพ้ให้กับเหล่านักลงทุนรายย่อย แต่ในขณะเดียวกันเราก็มองว่าพวกผู้ใหญ่บางประเภทก็สมควรได้รับบทเรียนอะไรแบบนี้บ้าง ให้พวกเขาได้ตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้ใหญ่ค้ำฟ้าอย่างตัวเองคิด
การแพร่ระบาด ความล่าช้าในการกระจายวัคซีนคือเรื่องสำคัญกว่า
ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สิ่งที่กลุ่มผู้วางนโยบายเป็นกังวลมากกว่าคือความล่าช้าในการกระจายวัคซีนและผลกระทบต่อความล่าช้านั้นที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาในปี 2021 หนึ่งในคณะกรรมการกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า
“ภาพรวมการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานิ่งเกินไป ภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากภัยโรคระบาดยังไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง”
ประโยคนี้สำหรับเจอโรม พาวเวลล์แล้วหมายความว่าภาวะสินทรัพย์ฟองสบู่และอัตราเงินเฟ้อยังขึ้นไม่น่าเป็นกังวลเท่ากับจะทำยังไงให้คนสามารถกลับไปทำงานได้ ประธานเฟดเสริมคำพูดดังกล่าวว่า
“หากให้พูดตรงๆ เลยก็คือผมต้องการให้อัตราเงินเฟ้อโตได้มากกว่านี้ การที่ผมยังไม่เห็นภาวะเศรษฐกิจที่จมอยู่ในภาวะเงินเฟ้อแบบที่คนในรุ่นผมเจอ แปลว่าเรื่องราวทั้งหมดยังไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับที่เป็นข่าว”
นางแมรี ดาลี (Mary Daly) ผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกลางแห่งซานฟรานซิสโกมองว่าหากเฟดถอนคันเร่งจากการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือพันธบัตรในตอนนี้จะทำให้สิ่งที่เฟดพยายามทำมาตลอดทั้งปี 2020 ต้องเสียเปล่า
“พวกเรากำลังสร้างสะพานซึ่งเป็นสะพานที่หลายๆ ภาคส่วนตั้งความหวังไว้ว่ามันจะพาพวกเขาข้ามหุบเหวโรคระบาดนี้ไปได้ ดิฉันจะไม่ยอมหลุดสร้างสะพานแห่งความหวังนี้กลางทางอย่างแน่นอน เมื่อคนไม่มีงานก็ไม่มีรายได้ เมื่อไม่มีรายได้ก็ไม่มีการเติบโตของอัตราค่าจ้าง นำไปสู่การถดถอยทางเศรษฐกิจและปัญหาอาชญากรรม เหตุผลเท่านี้ก็เพียงพอที่จะอุ้มเศรษฐกิจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
สิ่งที่ทุกสายตากำลังจับจ้องคือการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อจากนี้ว่าจะสามารถรับมือกับวิกฤตโรคระบาดได้ดีแค่ไหน ตลาดลงทุนหวังจะได้เห็นภาพการโยนรับส่งนโยบายการเงินที่ส่งเสริมระหว่างกันและกัน
ก่อนที่เเจเน็ต เยลเลนจะได้ตำแหน่งแม่ทัพแห่งกระทรวงการคลังมา สมัยที่เธอทำงานอยู่ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เคยมีโต๊ะทำงานติดกันกับของเจอโรม พาวเวลล์เลย แม้ว่าวาระของเจอโรม พาวเวลล์จะหมดลงในปีนี้ แต่เจเน็ต เยลเลนอาจเสนอไบเดนให้แต่งตั้งเขาทำงานต่อไปเพื่อความสอดคล้องของนโยบายการเงิน