ความสนใจในตลาดตอนนี้ดูเหมือนจะพุ่งไปที่หุ้นของเกมสต็อป (NYSE:GME) กันหมด บดบังรัศมีความแรงของตลาดสกุลเงินดิจิทัลและบิทคอยน์จนสิ้น ขาขึ้น 7% หรือคิดเป็น $2,200 เมื่อวันศุกร์หายหมด ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาของบิทคอยน์ได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า $30,000 เป็นที่เรียบร้อย ขาขึ้นที่เคยพาบิทคอยน์ขึ้นสู่จุดสูงสุดตลอดกาลภายในสิบวันมาถึงตอนนี้กลับหายหมดสิ้น เหลือทิ้งไว้เพียงคำถามให้กับผู้ที่ศรัทธาว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ขาขึ้นบิทคอยน์อาจต้องการแรงกระตุ้นใหม่ๆ
ตอนนี้ดูเหมือนการรีไซเคิลข่าวเก่าๆ อย่างบัญชีงบประมาณสหรัฐฯ ขาดดุล อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นไม่เพียงพอที่จะดันบิทคอยน์ได้อีกต่อไป จำได้ไหมว่าในช่วงที่บิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมากๆ ถึงขั้นมีคนพูดว่าบิทคอยน์คือสินทรัพย์ปลอดภัยตัวใหม่ที่มีความปลอดภัยมากกว่าทองคำ ทุกคนได้ยินเช่นนั้นแต่มีน้อยคนที่จะเชื่ออย่างนั้น
นอกจากนี้ การเติบโตของบิทคอยน์ในปีที่แล้วยิ่งทำให้ราชาสกุลเงินดิจิทัลถูกเพ่งเล็งจากภาครัฐของประเทศต่างๆ มากขึ้น สมาพันธ์การขายตรงของแอฟริกาใต้ได้ทำการยื่นเรื่องต่อสหภาพแอฟริกาขอให้เริ่มมีการปราบปรามวงการแชร์ลูกโซ่อย่างจริงจัง หนึ่งในนั้นก็คือสกุลเงินดิจิทัล สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่ากระทรวงที่ดูแลเกี่ยวกับการเงินการคลังในแอฟริกาใต้ต้องการลงโทษผู้ที่กระทำผิดกฎหมายผ่านสกุลเงินดิจิทัลอย่างจริงจัง
แม้แต่สหรัฐอเมริกาเองก็มีความคิดที่จะจัดการเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างจริงจัง นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คนใหม่ไม่พูดอ้อมค้อม ในการแถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เธอพูดถึงเรื่องการจัดการปัญหาสกุลเงินดิจิทัลว่า
“ฉันคิดว่าถึงเวลาที่สหรัฐฯ ต้องจัดการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินด้วยเงินดิจิทัลเหล่านี้อย่างจริงจังเพื่อลดความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมทางการเงินผ่านช่องทางเหล่านี้”
แกรี่ เจนส์เลอร์ คนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเลือกมาให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SCC) ที่คาดว่าจะมีรูปแบบการทำงานใกล้เคียงกับ SEC ถูกแต่งตั้งมาเพื่อจัดการกับเรื่องเงินผิดกฎหมายโดยตรง
เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มาประกอบกัน ทำให้คนที่เข้ามาถือบิทคอยน์โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสกุลเงินดิจิทัลคืออะไรเกิดความกลัว และหนีออกจากตลาด บางคนออกไปรอดูว่าบิทคอยน์จะมีโอกาสขึ้นได้อีกหรือไม่ในขณะที่บางคนนำเงินไปลงกับหุ้นของเกมสต็อป ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ทำแบบนั้นเพราะหุ้นของเกมสต็อปตอนนี้ขึ้นมา 740% ภายในระยะเวลาสามสัปดาห์
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น Coindesk.com เว็บไซต์ที่เป็นสำนักข่าวสกุลเงินดิจิทัลที่เชื่อถือได้มีรายงานว่าสอนพี่น้องฮาวาร์ด เยลและบราวน์ยังคงถือบิทคอยน์อยู่มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันมหาลัยชั้นนำของอเมริกาสามแห่งได้ประกาศให้สามารถทำธุรกรรมด้วยบิทคอยน์ได้ แล้วยังมีปัจจัยเชิงบวกอื่นๆ หนุนให้บิทคอยน์กลับขึ้นไปได้อีกครั้งหรือไม่?
Ed Moya นักวิเคราะห์ตลาดลงทุนแห่งโบรกเกอร์ OANDA วิเคราะห์ว่าบิทคอยน์จะต้องลงไปต่ำกว่า $30,000 เพราะแรงกดดันจากภาครัฐในการออกฎหมายยังคงอยู่ แต่ในขณะเดียวกันถ้าบิทคอยน์ไม่ลงไปต่ำกว่านี้ก็ไม่อาจเจอนักลงทุนที่รอช้อนซื้ออยู่ต่ำกว่า $30,000 เอ็ดมองว่าการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นไปเมื่อเช้านี้และไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการใดๆ ทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ส่งให้บิทคอยน์ปรับตัวลงต่ำกว่า $30,000 ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
ถ้าแนวรับ $30,000 เอาไม่อยู่ รอดูบิทคอยน์ที่ $20,000 ได้เลย
Greg Michalowski นักวิเคราะห์จาก ForexLive เห็นด้วยกับโมญ่า เขามองว่าบิทคอยน์จำเป็นต้องเปิดฉากด้วยการลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดของวันอาทิตย์ก่อน ($30,931) ซึ่งตอนนี้บิทคอยน์ก็ได้ทำสำเร็จไปแล้ว
Sunil Kumar Dixit นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์อินเดีย SK Dixit Charting วิเคราะห์ว่า
“ตราบใดที่บิทคอยน์ยังยืนอยู่บริเวณ $32,500-$33,000 ก็มีโอกาสไปได้ไกลเพียง $35,500-$38,900 เท่านั้น มีเพียงการลงต่ำกว่า $30,000 ที่จะทำให้บิทคอยน์ขึ้นไปแตะ $50,000 ได้ แต่ตอนนี้เราเชื่อว่าระดับแนวต้านของบิทคอยน์ได้ถูกปรับลงมาแล้ว ดังนั้นหากบิทคอยน์ลงมาต่ำกว่า $30,000 ได้จะเปิดโอกาสให้ราคาได้ลงต่ำกว่า $27,500 หากไปไกลกว่านั้น อาจลงไปถึง $22,800 หรือเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันและอาจลงไปถึง $20,500 ที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน”
Ambrose O'Callaghan นักวิเคราะห์จาก Motley Fool วิเคราะห์ว่า
“กราฟบิทคอยน์ตอนนี้แสดงแท่งเทียนรูปแบบโดจิหลุมศพ (Gravestone Doji) มาตั้งแต่วันจันทร์ การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของบิทคอยน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไบเดนอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐจริงๆ ตอนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังแข็งแกร่ง แม้ว่าโควิด-19 ยังเดินหน้าทำลายเศรษฐกิจอยู่”
สำหรับ Investing.com เราวิเคราะห์ว่ากราฟบิทคอยน์รายวันกำลังส่งสัญญาณ “ขาย” โดยมีแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ $31,739 $31,779 และ $31,844 ตามลำดับ โดยมีระดับราคากึ่งกลางอยู่ที่ $31,674 สุดท้ายแล้วเราขอสรุปสถานการณ์ของบิทคอยน์ว่า
“ขาขึ้นในช่วงหกเดือนก่อนของบิทคอยน์น่าอัศจรรย์ก็จริง แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนต้องระวังตัวเองไว้ให้มาก ใครก็ตามที่คิดจะเข้ามาในตลาดสกุลเงินดิจิทัลตอนนี้ต้องรู้ไว้ว่าตลาดได้ขึ้นมาถึงจุดอิ่มตัวนานแล้ว อย่าลืมว่าในอดีตบิทคอยน์ได้ทำลายชีวิตคนที่เข้ามาเพราะความโลภมาหลายคนแล้ว”