- เฟซบุ๊กจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ในวันพุธที่ 27 มกราคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $26,310 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น: $3.16
หากประเมินจากการรายงานผลประกอบการของเฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) ในไตรมาสที่สาม จะพบว่ามีโอกาสที่เฟซบุ๊กจะสามารถรายงานรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นอีกในการรายงานผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย นักวิเคราะห์จาก Investing.com ประเมินออกมาใกล้เคียงกันว่าตัวเลขยอดขายมีโอกาสจะออกมาที่ $26,310 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 ในขณะที่ตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้นจาก $2.56 เป็น $3.16 เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน
ปัจจัยที่จะช่วยให้เฟซบุ๊กสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น 21% มาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปสู่โลกออนไลน์มากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นบริษัทเจ้าของสินค้าต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์มาลงทุนให้กับการฝากโฆษณาสินค้าออนไลน์มากกว่าที่จะไปลงทุนกับการโฆษณาในพื้นที่ออฟไลน์ จากการรายงานผลประกอบการครั้งก่อนๆ เฟซบุ๊กมักจะชอบออกมาเตือนนักลงทุนให้ระวัง แต่ทุกครั้งที่รายงานผลประกอบการก็สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ตลอด
แม้ดูจากภายนอกเหมือนว่าหุ้นเฟซบุ๊กไม่ได้มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรมากมาย แต่ราคาหุ้นของเฟซบุ๊กกับวิ่งติดอยู่ในกรอบราคาแคบๆ มาเป็นระยะเวลาสามเดือนแล้วหลังจากสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลได้ในเดือนสิงหาคม ในช่วงไตรมาสที่สี่ หุ้นเฟซบุ๊กได้ปรับตัวลดลงมาแล้วทั้งสิ้น 4% คำถามก็คือ “หากครั้งนี้รายผลกำไรเฟซบุ๊กออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์อีกจะช่วยให้หุ้นเฟซบุ๊กหลุดออกจากกรอบนี้ได้หรือไม่?”
หากจะให้พูดถึงปัญหาแล้ว จริงๆ เฟซบุ๊กก็ถือว่าเจอข่าวเข้าไปหนักพอสมควรก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กถูกตั้งข้อหาจากหน่วยงานรัฐของสหรัฐอเมริกาในข้อหาผูกขาดทางการค้าร่วมกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม FAANG อย่างแอปเปิลและกูเกิล แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นข่าวใหญ่มากในช่วงนั้นคือเฟซบุ๊กมีโอกาสเสียสิทธิ์การปกครองสองแอปฯ ใหญ่อย่างอินสตราแกรม (Instagram) และวอทส์แอป (WhatsApp) จากข้อหาดังกล่าว
ศึกทางกฎหมายที่ถาโถมเข้ามาหาเฟซบุ๊ก
การถูกฟ้องโดยกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ครั้งนี้นับเป็นการถูกฟ้องที่หนักที่สุดที่เฟซบุ๊กเคยเจอมา ไม่เพียงแต่เฟซบุ๊กเท่านั้นแต่บริษัทผู้ให้บริการห้องสมุดเสมือนออนไลน์ระดับโลกอย่างกูเกิล (NASDAQ:GOOGL) ก็โดนข้อหานี้ด้วยเช่นกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าทั้งเฟซบุ๊กและกูเกิลพยายามยกตัวอย่างกรณีที่กระทรวงยุติธรรมเคยฟ้องไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ในปี 1998 กับกรณีของพวกเขาว่าไม่แตกต่างกัน
ในมุมมองของนักลงทุน พวกเขาค่อนข้างเป็นกังวลว่าในระยะยาวเฟซบุ๊กจะยังสามารถดำเนินธุรกิจเช่นนี้ต่อไปได้อีกหรือไม่ เป็นไปได้ว่านับจากนี้เฟซบุ๊กอาจจะต้องดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมายที่รัดกุมมากในการเก็บข้อมูลของลูกค้าเหมือนอย่างที่แอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ใช้เป็นมาตรฐานในการเก็บข้อมูลลูกค้า นอกจากนี้ยังมีรายงานจากนิตยสาร Wall Street Journal ว่าสหภาพยุโรปพึ่งออกกฎหมายไม่อนุญาตให้นำข้อมูลผู้ใช้งานจากยุโรปกลับไปยังสหรัฐอเมริกา การดำเนินการเช่นนี้ยิ่งทำให้เฟซบุ๊กต้องทำงานด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น
มาร์ก ซัคเคอเบิร์ก CEO คนดังของเฟซบุ๊กกล่าวในการสนทนาผ่านวิดีโอทางไกลกับนักวิเคราะห์ในเดือนตุลาคมว่า
“เราต้องการกฎหมายใหม่ที่เอื้อต่อการโฆษณาเข้าไปยังตัวบุคคลนั้นๆ ได้โดยตรง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานด้วย การเล่มเกมทางกฎหมายเช่นนี้จะยิ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อบริษัทผู้ฝากโฆษณาขนาดเล็กซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปี 2021”
หากตัดเรื่องปัญหาทางกฎหมายออกไป บริษัทเฟซบุ๊กก็ยังได้กำไรจากการฝากโฆษณาอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่การแพร่ระบาดของโควิดยังไม่จบ ยอดผู้ใช้งานบนเฟซบุ๊ก อินสตราแกรม แมสเซนเจอร์ และวอทส์แอปยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตัวเลขรวมยอดผู้ใช้งานจากสี่แพลตฟอร์มมีคนใช้งานอยู่เพิ่มขึ้น 3.21 พันล้านคนจากตัวเลข 2.82 พันล้านคนในปี 2019
โดยสรุปแล้ว
แม้จะต้องเผชิญปัญหาทางกฎหมาย หุ้นเฟซบุ๊กก็ยังสามารถยืนหยัดได้โดยที่ไม่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจฝากโฆษณาบนเฟซบุ๊ก ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น กว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับปัญหาด้านกฎหมายนี้ยังต้องใช้เวลาอีกนาน นักวิเคราะห์ในระยะยาวจึงยังสามารถวางใจถือหุ้นเฟซบุ๊กได้อย่างไม่มีปัญหา
หุ้นตัวใดที่คุณควรซื้อในการเทรดครั้งถัดไป?
ประสิทธิภาพด้านการประมวลผลของ AI กำลังจะเปลี่ยนแปลงตลาดหุ้น บริการ ProPicks AI ของ Investing.com เป็นพอร์ตหุ้นที่ทำกำไร 6 พอร์ตที่คัดเลือกหุ้นโดยเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยของเรา เฉพาะในปี 2024 เพียงปีเดียว เทคโนโลยี AI ของ ProPicks AI ได้ระบุหุ้น 2 ตัวที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 150%, หุ้นเพิ่มเติมอีก 4 ตัวที่ดีดตัวขึ้นกว่า 30% และหุ้นอีก 3 ตัวที่ไต่ระดับขึ้นกว่า 25% แล้วหุ้นตัวใดที่จะทะยานขึ้นต่อไป?
ปลดล็อก ProPicks AI