แม้จะมีการคาดการณ์เอาไว้ว่าคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินหรืออัตราดอกเบี้ยใดๆ แต่นักลงทุนก็ยังต้องการดูท่าทีการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ของปี 2021 ครั้งแรกที่จะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 26-27 มกราคมนี้ เพราะการประชุมนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรกของสถาบันการเงินสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีคนใหม่นายโจ ไบเดน
ก่อนหน้าการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ตลาดพึ่งได้ทราบผลการประชุมของธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งก็เป็นไปตามคาด และเข้าใจได้ที่ ECB จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินใดๆ แต่ประธาน ECB นางสาวคริสตีน ลาการ์ด ก็ยังคงเน้นย้ำถึงความเสี่ยงของโควิดที่มีต่อเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในยุโรป ก็ไม่แปลกใจที่ทำไมประธาน ECB ถึงได้ออกมาเตือนเช่นนั้น ตอนนี้หลายๆ พื้นที่ในสหภาพยุโรปยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ และเคอฟิวอยู่ ที่สำคัญการกระจายวัคซีนของสหภาพยุโรปเป็นไปด้วยความยากลำบากกว่าของสหรัฐอเมริกาเพราะจะต้องผ่านกระบวนการกรองและขั้นตอนต่างๆ ของแต่ละประเทศในขณะที่สหรัฐอเมริกาสามารถส่งวัคซีนตรงถึงแต่ละรัฐได้เลย ด้วยเหตุนี้ข่าวลือเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาจนติดลบจึงไม่เคยหายไปจากการประชุมของ ECB เลย
เฟดจะประกาศอะไรระหว่าง “การกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น?”
การประชุมของเฟดครั้งนี้จะเกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมใหม่ ในตอนนี้พวกเขาจะได้ประชุมกันโดยที่สภาสูงของสหรัฐฯ มีคะแนนเสียงของพรรคเดโมแครต และรีพลับริกันในระดับที่เท่ากันและกำลังถกเถียงกันเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ แต่สิ่งที่นักลงทุนอยากเห็นจริงๆ คือท่าทีของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ ว่าเขาจะพูดถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจและการกระจายวัคซีนอย่างไร รวมไปถึงเขาต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้สนับสนุนธนาคารกลางอย่างไรด้วย
ในแง่ของการดำเนินนโยบายทางการเงินนั้น เฟดจะต้องชั่งใจให้ดีว่าจะเลือกยัดเงินเข้าระบบแบบฉุกเฉินทันทีหรือจะค่อยๆ ผ่อนคลายนโยบายเพื่อทยอยเสริมสภาพคล่องโดยรอบ ภายใต้การบริหารของโจ ไบเดนและทีมงานของเขา เฟดจะต้องบรรลุเป้าหมายของตนเองไปด้วยในขณะที่ต้องคอยดูว่าไบเดนจะถูกใจการออกมาตรการแบบแข็งกร้าวหรืออ่อนโยนมากกว่ากัน หากประเมินจากนโยบายระยะยาวของไบเดนแล้ว เฟดอาจเลือกวิธีที่ใช้เวลาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจนานกว่าเดิมแต่จะมีความยั่นยืนเชิงนโยบายมากกว่า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทางการเงินเชื่อว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่นางเจเน็ต เยลเลนที่พึ่งจะได้รับการแต่งตั้งจากสภาภายไปเมื่อเช้านี้จะสามารถทำงานร่วมกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ดีเพราะเธอก็เคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มาก่อน ดังนั้นเธอย่อมจะรู้ดีว่านโยบายการคลังแบบไหนที่จะช่วยเอื้อให้เฟดออกมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น
ในแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรสสัปดาห์ที่แล้ว เจเน็ต เยลเลนก็ได้ประกาศชัดแล้วว่าตอนนี้เธอไม่สนใจหนี้ที่รัฐบาลจะก่อมากเท่าการช่วยเหลือภาคธุรกิจและคนตกงานให้ผ่านวิกฤตโรคระบาดนี้ไปให้ได้ เธอยังเรียกร้องให้ผู้มีส่วนกับการร่างนโยบายรีบร่างเงื่อนไขในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับ $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐให้เร็วที่สุด
หากไบเดนต้องการที่จะมีอิทธิพลในกระบวนการของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตอนนี้เขามีสิทธิ์ที่จะใส่คนของเขาเข้ามาในบอร์ดบริหารของเฟดได้หนึ่งตำแหน่ง จากรายชื่อคณะรัฐมนตรีของเขา เป็นไปได้ที่ตำแหน่งนั้นอาจตกเป็นของคนผิวสีหรือสตรีที่มีความรู้ความสามารถด้านการเงิน ตอนนี้เดโมแครตมีตัวแทนที่พรรคที่อยู่ในธนาคารกลางเพียงคนเดียวคือนางเลล เบรนาร์ด ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนนโยบายการเงินให้เข้าทางของไบเดนหรือพรรคเดโมแครตได้จนกว่าจะครบวาระการเลือกผู้วาการธนาคารกลางหรือบอร์ดบริหารใหม่ในรอบห้าปี
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว แถลงการณ์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากการประชุม FOMC ในสองวันนี้จึงมีความหมายกับนักลงทุนมาก นักลงทุนก็ต้องการความมั่นใจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ในขณะเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ต้องการความเชื่อมั่นจากนักลงทุนด้วย การแสดงความเป็นกังวลหรือโล่งใจจึงมีโอกาสกระทบต่อตลาดลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ