ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:CQG
ก่อนที่จะอ่านบทความนี้ ผมขอสารภาพก่อนเลยว่าผมก็เป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาในบิทคอยน์และโลกสกุลเงินดิจิทัล ถึงแม้ผมจะเป็นนักลงทุนมานานเกินกว่า 20 ปี แต่สำหรับเรื่องบิทคอยน์นั้น ผมยังมีความรู้น้อยมาก สิ่งที่ทำให้ผมชอบบิทคอยน์มากจริงๆ คือนิยามและการกำเนิดของมันที่มีแนวคิดมาจากการเป็นสกุลเงินที่เป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐอย่างแท้จริง ที่สำคัญความนิยมคริปโตฯ ในปัจจุบันยิ่งตอกย้ำความไร้ศักยภาพของรัฐบาลในการควบคุมปริมาณเงินที่มีอยู่ในมือ
ขาขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลนั้นสะท้อนให้เห็นการเงินโลกที่อ่อนแอลงจากวิกฤตโควิด-19 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มูลค่า $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐทำให้ตอนนี้อเมริกามีตัวเลขการขาดดุลสะสมรวมแล้วเป็น $30 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ นี่ยังไม่นับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอีก $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐของโจ ไบเดนที่กำลังรอจะเข้ามาสมทบอีก ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ได้เห็นสินทรัพย์สำรองอย่างทองคำหรือบิทคอยน์พากันสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่าบิทคอยน์ในตอนนี้คงไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำหรับการแลกเปลี่ยนอย่างที่ผู้สร้างหวังเอาไว้ได้อีกแล้ว บิทคอยน์ได้กลายเป็นทองคำในโลกดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนั้น เราจะมาดูกันว่ามีวิธีใดที่จะช่วยนักลงทุนให้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการลงทุนบิทคอยน์ได้บ้าง
ธันวาคม-มกราคม: ช่วงเวลาที่บ้าคลั่งของความละโมบในตลาดบิทคอยน์
ก่อนหน้าที่บิทคอยน์จะกลับมาเป็นที่พูดถึงของผู้คนอีกครั้ง ชะตากรรมของบิทคอยน์ในช่วงเดือนมีนาคมก็ไม่ได้ต่างจากสินทรัพย์ลงทุนประเภทอื่นๆ ราคาบิคคอยน์ลงไปมีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ $4,210 ในช่วงเดือนมีนาคมปี 2020 คิดเป็นสัดส่วนการลงมา 1 ต่อ 5 เมื่อเทียบจากจุดสูงสุดตลอดกาลในปี 2017 จุดต่ำสุดของบิทคอยน์ในปี 2019 มีราคาอยู่ที่ $13,915Source: CQG
จากรูปจะเห็นว่ากราฟรายเดือนของบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส CME สามารถวิ่งขึ้นไปสูงกว่าจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 นี่คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับราคาบิทคอยน์ในปัจจุบันและเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $42,730 มีราคาซื้อลายล่าสุดอยู่ที่ $32,000 โดยประมาณและมีมูลค่าตลาดรวมแล้วเกือบแตะ $1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
ตลาดกระทิงของบิทคอยน์ไม่เคยสนใจคำพูดของนักวิเคราะห์
ไม่ว่าจะเป็นตลาดลงทุนไหน ทุกคนรักที่จะลงทุนในตลาดกระทิงที่ขึ้นแรงๆ กันทั้งนั้น นักวิเคราะห์หลายคนถึงกับยกให้บิทคอยน์คือทองคำแห่งโลกดิจิทัล จึงไม่แปลกใจที่เราได้เห็นภาพที่บิทคอยน์ทะยานขึ้นอย่างสนุกสนานแต่ราคาทองคำกลับไม่สามารถขึ้นยืนเหนือ $2000 ได้ก่อนปีใหม่ด้วยซ้ำ
เมื่อมีคนชอบก็ย่อมมีคนเกลียด หนึ่งในผู้ที่ต่อต้านบิทคอยน์มากที่สุดก็คือนักลงทุนในตำนานอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ที่เคยกล่าวหาบิทคอยน์เมื่อปี 2018 ว่าเป็น “สินทรัพย์ที่เป็นขยะของวงการลงทุน” ในขณะที่เพื่อนของเขานายชาร์ลี มันเกอร์ก็หยามบิทคอยน์ว่าเป็น “ทองคำจอมปลอมที่ไม่มีมูลค่า”
คนที่น่าสนใจและกลืนน้ำลายของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วคือนาย เจมมี่ ไดมอน CEO ของธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังเจพี มอร์แกน ในปี 2017 เขาเคยว่าบิทคอยน์เอาไว้ว่าเป็น “สินทรัพย์หลอกลวง” แต่พอมาถึงต้นปี 2021 เขากลับเป็นคนมองว่าบิทคอยน์มีโอกาสขึ้นไปถึง $146,000 ได้
อันที่จริง ทุกคนมีราคาอยู่ในใจอยู่แล้วว่าบิทคอยน์น่าจะขึ้นหรือลงไปที่ระดับราคาเท่าไหร่ เพียงแต่เพราะเราไม่ใช่นักลงทุนชื่อดัง เสียงของเราจึงเป็นได้เพียงคำกระซิบเบาๆ ในหมู่เพื่อนฝูงเอาไว้คุยหยอกล้อกันเท่านั้น ที่ผ่านมาตลาดจะขึ้นหรือลงไปถึงเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเคยสามารถประมาณตัวเลขออกมาได้ถูกต้องจริงๆ สักครั้ง ใครจะคิดว่าครั้งหนึ่งบิทคอยน์ที่เคยขึ้นไปเกือบถึง $20,000 จะร่วงกลับลงมาถึง $3,500 ได้และใครจะเคยคิดว่าจะได้เห็นภาพราคาน้ำมันดิบติดลบ $40.32 ต่อบาร์เรลในวันที่ 20 เมษายนปี 2020
พาสเวิร์ดคือสิ่งที่ต้องเก็บรักษาเอาไว้ให้ดียิ่งกว่าโฉนดที่ดิน
เชื่อว่านักลงทุนหลายคนคงจะเคยได้ยินข่าวตลกๆ (ที่ไม่ขำสำหรับคนที่เจอ) มาแล้วเมื่อคนที่เคยมีโอกาสจะได้เป็นมหาเศรษฐีกลับไม่สามารถขว้าโอกาสนั้นได้ทั้งๆ ที่อยู่ต่อหน้าเพราะลืมรหัสผ่านเข้าบัญชีบิทคอยน์ของตัวเอง แม้ระบบบล็อกเชนที่อยู่เบื่องหลังบิทคอยน์จะเป็นอะไรที่ซับซ้อนแต่สำหรับวิธีเข้าถึงกระเป๋าตังค์นั้นกลับง่ายดายไม่ต่างจากบัญชีโซเชียลมีเดียของเราในปัจจุบัน (ความจริงก็ยากอยู่เพราะ ID และรหัสผ่านจะมาเป็นตัวเลขหลายสิบหลัก)
นิตยสาร “New York Times” ลงบทความไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ามีนักลงทุนบิทคอยน์ประมาณ18.5 ล้านคนหรือคิดเป็น 20% ของตลาดที่ลืมรหัสบัญชีบิทคอยน์ของตัวเอง มีเกมเมอร์คนนึงที่ซื้อบิทคอยน์เอาไว้ประมาณ 7,002 เหรียญที่ตอนนี้ก็ยังพยายามนั่งคิดนอนคิดอยู่ว่ารหัสของตัวเองคืออะไร ความเสี่ยงที่ผู้โชคร้ายเหล่านี้ต้องรับคือระบบจะให้โอกาสใส่รหัสผ่านได้เพียง 10 ครั้งเท่านั้นก่อนที่เงินทั้งหมดจะหายไปตลอดกาล
เมื่อผมลองค้นข้อมูลในกูเกิลดูว่า “หากลืมรหัสผ่านบัญชีบิทคอยน์ของตัวเอง ผมสามารถทำอะไรได้บ้าง?” คำตอบที่ได้มีมีเพียงสองคำสั้นๆ เท่านั้นคือ “ทำใจ”
คำแนะนำสุดท้ายจากคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
คำแนะนำที่คนรุ่นผมพอที่จะมอบให้กับคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับการลงทุนในบิทคอยน์หรือสินทรัพย์คริปโตเคอเรนซี่ก็คือจงเก็บรหัสผ่านบัญชีของคุณเอาไว้ให้ดี หากคิดที่จะเก็บแบบออฟไลน์ก็ให้เก็บในที่ที่นอกจากเราแล้วจะไม่มีใครรู้ (แม้แต่ภรรยาตัวเอง) และเราจะไม่มีทางลืมสถานที่แห่งนั้นไปตลอดชีวิต หากคิดจะเก็บในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลก็ต้องหาผู้ให้บริการและอุปกรณ์ที่มีหน้าตาคล้ายกับ USB ที่ไว้ใจได้ การทำรหัสผ่านแบบสองทาง (2FA) ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากและเป็นหลักปฏิบัติเบื้องต้นที่จำเป็นต้องทำ
เมื่อมีวิธีการเก็บรหัสผ่านที่ดีแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องหาตัวกลางการแลกเปลี่ยน (Exchange) ที่ไว้ใจได้ ในที่นี้ผมขอแนะนำบริษัท Coinbase เท่าที่ทราบข่าวมา ยังไม่เคยได้ยินว่า Coinbase จะถูกแฮกเหรียญออกไปได้ ที่สำคัญ อย่าลืมติดตามแหล่งข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ที่เชื่อถือได้เอาไว้ด้วย
สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะบอกกับนักลงทุนรุ่นใหม่ก็คือตลาดสกุลเงินดิจิทัลก็เป็นเหมือนกันกับตลาดอื่นๆ เมื่อคิดจะลงทุนแล้วก็อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับความเสี่ยง เพราะนั่นคือสิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องเจอ ยิ่งไปกว่านั้นคุณจะต้องพบกับความผันผวนอย่างที่ไม่เคยเห็นในตลาดลงทุนอื่นๆ ด้วย หากเทียบการลงทุนเป็นการเล่นโปกเกอร์แล้ว ไม่สำคัญว่าใครจะได้เงินออกไปจากโต๊ะเท่าไหร่ แต่สำคัญว่าใครสามารถนั่งอยู่ในโต๊ะนั้่นได้นานที่สุด สิ่งที่คุณควรคิดแต่แรกไม่ใช่ว่าจะได้กำไรจากบิทคอยน์เท่าไหร่ แต่เป็น “ฉันจะเอาตัวรอดจากการลงทุนบิทคอยน์ได้นานแค่ไหน?”