เป็นที่ทราบกันดีว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจในทุกๆ มิติจนทำให้หน่วยงานของรัฐบาลอย่างเช่นกระทรวงการคลังหรือธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ต้องออกมากอบกู้วิกฤตครั้งนี้ก่อนที่เศรษฐกิจของชาติจะพังทลาย หนึ่งในวิธีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศใช้เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วคือการปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อสามารถลอยตัวเกิน 2% ได้และตั้งตัวเลขนี้เป็นเป้าหมายการทำงานของธนาคารกลางในปีนี้
มาตรการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เลือกใช้เริ่มเห็นผลมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสามารถขึ้นยืนเหนือ 1% ได้ ในขณะที่ตลาดกำลังยินดีที่ได้เห็นกราฟผลตอบแทนฯ ปรับตัวขึ้น มีน้อยคนนักที่จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อว่าพอถึงจุดที่เฟดต้องการจริงๆ แล้วจะไม่สามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ดั่งใจนึก
กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีจะสามารถขึ้นถึง 1.5% ได้หรือไม่?
ในหมู่ผู้วางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีเพียง เอสเธอร์ จอร์จ ผู้ว่าการธนาคารกลางเมืองเคนซัสเท่านั้นที่ออกโรงเตือนเพื่อนร่วมงานว่าอัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อแรงงานในภาคบริการสามารถกลับมาได้ในช่วงครึ่งปีหลัง แมคแนต เดไซย์ (Meghnad Desai) ผู้เชี่ยวชาญกิตติมศักดิ์ด้านเศรษฐกิจของโรงเรียนเศรษฐศาสตร์แห่งกรุงลอนดอนถึงขั้นเอาหัวเป็นประกันเลยว่าเศรษฐกิจโลกจะอยู่ภายใต้อัตราดอกเบี้ยต่ำไปอีกอย่างน้อยครึ่งทศวรรษ
ในมุมมองของแมคเนต เขาเชื่อว่าการมาของหุ่นยนต์และ AI จะเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แรงงานหุ่นยนต์เหล่านี้จะเข้ามาแทนที่งานประเภทใช้แรงภายในอนาคตอันใกล้นี้ เขาประเมินว่าการมาของหุ่นยนต์ในฝั่งตะวันตกจะทำให้หนี้ในภาคบริการ (ซึ่งเขาใช้เป็นตัววัดเปอร์เซ็นต์ GDP) จะอยู่ในระดับต่ำท่ามกลางการกู้ยืมจำนวนมหาศาลของรัฐบาล
ในขณะที่นักลงทุนตลาดหุ้นยังสนุกสนานอยู่กับปาร์ตี้ขาขึ้น แต่นักลงทุนในผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลฯ กลับเริ่มที่จะระวังเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อมากขึ้นเพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้กราฟผลตอบแทนฯ ขึ้นมาสูงได้ขนาดนี้ภายในระยะเวลาอันสั้นเป็นเพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้ามาอีก $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐจากโจ ไบเดนและทีมงาน ภายใต้การบริหารของรัฐบาลใหม่ เขาสัญญากับประชาชนชาวอเมริกันแล้วว่าจะอัดฉีดเงินจำนวนนี้ให้เร็วที่สุดหลังจากเข้ารับตำแหน่ง
ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีที่แล้วเริ่มเห็นชัดขึ้นทันทีที่เริ่มปี 2021 เพราะกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสามารถขึ้นจาก 0.9% ไปยืนเหนือ 1.13% ได้แม้ว่าตอนนี้จะปรับตัวลดลงมาวิ่งอยู่ที่ประมาณ 1.09% ในขณะเดียวกัน กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปีก็สามารถวิ่งขึ้นมา 20 จุดเบสิสจนเกือบแตะ 1.84% ได้ ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์บางคนจึงได้ปรับเป้าหมายของกราฟพันธบัตรฯ 10 ปีขึ้นเป็น 1.5% ภายในสิ้นปี 2021
อย่างไรก็ตาม ความแรงของขาขึ้นในกราฟผลตอบแทนฯ อาจถูกชะลอได้จากปริมาณหนี้ที่เพิ่มขึ้นหากเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลังจนผู้คนสามารถกลับไปทำงานได้ (ถ้าการแพร่กระจายวัคซีนสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว) เพื่อป้องกันความเป็นไปได้นี้ นักลงทุนบางส่วนจึงได้ฉวยโอกาสเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ถูกประมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้ราคาประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 20 ปีมีมูลค่าอยู่ที่ $24,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตลาดตอนนี้จึงกำลังรอดูว่านักลงทุนต่างชาติ (โดยเฉพาะญี่ปุ่น) จะมีท่าทีอย่างไร ในช่วงที่ดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนก็ได้ย้ายไปถือสกุลเงินเยนรอในฐานะที่เป็นสกุลเงินสำรองปลอดภัยอันดับสอง แต่ในความเห็นของเรา นักลงทุนชาวญี่ปุ่นอาจต้องการรอให้กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอีกนิดก่อนจึงจะตัดสินใจเข้าถือ
แต่สิ่งที่นักลงทุนควรคำนึงถึงเอาไว้ให้มากๆ คือข่าวก่อนหน้านี้ที่มีการพูดว่าเฟดอาจตัดสินใจลดวงเงินซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมภายในปีนี้หากสถานการณ์ดีขึ้น หากเป็นเช่นนั้นกราฟผลตอบแทนฯ จะปรับตัวลดลง