ทองคำจะสามารถกลับขึ้นมาจากช่วง $1,800 กว่าๆ กลับขึ้นไปยัง $1,900 ได้ภายในสัปดาห์นี้ราวกับนกฟินิกซ์เกิดใหม่ได้หรือไม่? นี่คือคำถามสำคัญสำหรับนักลงทุนทองคำเมื่อได้เห็นว่าในวันพุธนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะมีการประชุมเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย หากว่าเฟดลงความเห็นกันว่าต้องซื้อสินทรัพย์เพิ่ม นั่นหมายถึงการใช้เงินมากขึ้น ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนมูลค่า และทองคำก็รอโอกาสนี้เพื่อปรับตัวขึ้นอยู่
อย่างไรก็ตามมีนักวิเคราะห์บางคนไม่เห็นด้วยจังหวะขาขึ้นของทองคำในครั้งนี้ นาง Dhwani Mehta นักวิเคราะห์จาก FXStreet ยังประเมินว่าราคาทองคำยังอยู่ในขาลงอยู่
“ขาขึ้นของทองคำในตอนนี้ยังมีแนวโน้มที่ไม่ชัดเจนนัก ตอนนี้กราฟยังมีแนวรับอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 100 วันโดยมีแนวรับอยู่ที่ $1830 และยังมีแนวรับที่ $1823.50 ที่ราคาสามารถลงไปทดสอบได้อย่างง่ายดาย ในทางกลับกัน การขึ้นยืนเหนือแนวต้านสำคัญอย่าง $1,850 และการทะลุกรอบสามเหลี่ยมลู่ลงขึ้นไปจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ทองคำขึ้นไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ระดับราคา $1,861”
ราคาซื้อขายทองคำที่จะส่งมอบในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลดลง $6.75 หรือคิดเป็น 0.4% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,836.85 ในตลาดซื้อขายสิงคโปร์เวลา 3:07PM ET (0707 GMT) ในขณะที่ราคาทองคำสปอตที่ใช้มูลมูลค่าการซื้อขายทองคำแท่งแบบเรียลไทม์ปรับตัวลดลง $6.34 คิดเป็น 0.3% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,833.26 ภายในช่วงเวลาเดียวกัน
อุปสรรคใหญ่ของทองคำ: การแจกจ่ายวัคซีนและความยากในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ยิ่งวัคซีนโควิด-19 มีความคืบหน้า และมีข่าวดีเข้ามามากเท่าไหร่ ปัจจัยเชิงบวกนี้กลับเป็นภัยต่อนักลงทุนทองคำมากขึ้นเท่านั้น อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่สามารถหาตัวเลขที่พอใจสำหรับทุกฝ่ายได้เสียที นับตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง นักลงทุนก็เฝ้ารอให้การกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นอย่างมีความหวัง แต่ทุกครั้งที่สถานการณ์เหมือนว่าจะมีข่าวดีแล้ว สุดท้ายก็ลงเอยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกครั้งจนนักลงทุนที่รอซื้อขายทองคำก่อนสิ้นปีบางส่วนอาจเลือกที่จะไม่รอและทำให้เงินที่จะมาหนุนทองคำมีจำนวนลดลง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ทองคำอาจขึ้นไปยัง $1,860 ได้หากเฟดทำร้ายดอลลาร์ต่อ
เพราะระดับราคา $1,900 อาจจะยากเกินไปสำหรับทองคำในตอนนี้ นักลงทุนจึงตั้งเป้ากลางๆ เอาไว้เหนือ $1,860 เท่านั้นและคาดว่าจะสามารถขึ้นไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ภายในวันพุธ การประชุมของเฟดครั้งนี้อาจส่งผลไปถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้วย เหล่าผู้วางนโยบายอาจกำลังรอดูท่าทีของเฟดก่อนที่จะตัดสินใจเพราะหากเฟดตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงิน นั่นย่อมหมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จำเป็นต้องพึ่งเงินเยียวยารอบที่สองในการฟื้นตัวจริงๆ
นาย Giles Coghlan นักวิเคราะห์ทองคำจาก FX Live วิเคราะห์ว่า
“แม้จะเป็นความจริงที่วัคซีนต้านโควิดกำลังเข้าถึงประชาชนคนทั่วไปและแม้จะเป็นความจริงอีกเช่นกันที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเฟดก็ยังจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีกครั้งอยู่ดี ปัจจัยหนุนนี้เองที่จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2021 นี่ขนาดยังไม่นับปัจจัยความต้องการทองคำตามฤดูกาลอย่างเช่นช่วงตรุษจีนเป็นต้น”
ราคาน้ำมันดิบขึ้นไม่สนความเสี่ยง ใส่เกียร์เต็มกำลังเพราะวัคซีนนั้นมาแน่
ในขณะที่ทองคำยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะขึ้น แต่น้ำมันดิบขอล่วงหน้าขึ้นไปก่อนจากความมั่นใจเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด-19 อย่างเต็มเปี่ยม ราคาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 60 เซนต์ คิดเป็น 1.3% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $47.17 ต่อบาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น 63 เซนต์ คิดเป็น 1.3% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $50.60
ช่วงเวลาหกเดือนล่าสุดถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของตลาดน้ำมันตลอดทั้งปี 2020 กราฟ WTI ปรับตัวขึ้นเกือบ $11 คิดเป็น 31% ในขณะที่เบรนท์ขึ้นมา $13 หรือคิดเป็น 35% หลักๆ แล้วขาขึ้นครั้งนี้ได้รับแรงสนับสนุนมาจากความหวังของนักลงทุนที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิมอย่างที่เคยเป็นเมื่อวัคซีนต้านโควิดได้เข้าถึงทุกพื้นที่บนโลกแล้ว
แต่ความเป็นจริงก็มักจะวิ่งสวนทางกับความฝันอยู่เสมอ แม้เมื่อคืนนี้จะมีข่าวว่าวัคซีนได้ถูกแจกจ่ายไปยัง 50 รัฐทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาแล้ว แต่ผู้เชียวชาญก็ยังบอกว่ากว่าผู้ที่ถูกฉีดจะมีภูมิต้านทานและเริ่มส่งผลกระทบจนผู้ติดเชื้อลดลงก็ต้องรอไปจนถึงปี 2021 ก่อน ยิ่งไปกว่านั้นยอดผู้ติดเชื้อโควิดของสหรัฐฯ ตอนนี้ทะยานขึ้นจนจะทะลุเพดานอยู่แล้ว สัปดาห์ก่อนตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อใหม่ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุด เตียงในโรงพยาบาลก็ใกล้จะเต็มความจุและยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดตอนนี้มีตัวเลขเมื่อวันอาทิตย์อยู่ที่ 299,489 คน ใกล้แตะ 300,000 รายเต็มที
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยุโรปก็ยังไม่ถือว่าดีขึ้น ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอิตาลีสูงจนแซงยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ ไปแล้ว ในขณะที่เยอรมันต้องใช้คำว่า “เกินการควบคุม” จนรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจต้องออกมาเตือนว่า
“ภาพรวมของเศรษฐกิจในปี 2021 ยังคงมีความผันผวนสูงและการถดถอยทางเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นอย่างเช่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ แต่หากทุกฝ่ายร่วมใจกันในการป้องกันโควิดอย่างจริงจัง ประเทศเราก็อาจจะรอดจากการถดถอยดังกล่าวได้”
ถึงความจริงจะโหดร้ายแค่ไหน แต่ราคาน้ำมันดิบก็ยังทรงตัวอยู่ในขาขึ้นได้แม้ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่วัดจนถึงวันที่ 4 ธันวาคมจะระบุว่ามีน้ำมันคงคลังเพิ่มขึ้น ตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังภายในประเทศเพิ่มขึ้น 15.2 ล้านบาร์เรลภายในสัปดาห์นั้น ส่วนรายงานน้ำมันดิบคงคลังจาก EIA ลดลง 1.42 ล้านบาร์เรล น้ำมันดิบที่ผ่านกระบวนการกลั่นแล้วซึ่งรวมถึงน้ำมันที่ให้ความร้อนมีปริมาณเพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรลภายในช่วงเวลาเดียวกัน สุดท้ายน้ำมันเชื้อเพลิงคงคลังจาก EIA เพิ่มขึ้น 4.22 ล้านบาร์เรลเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ 2.27 ล้านบาร์เรล
Daniel Dubrovsky นักวิเคราะห์จาก Daily FX วิเคราะห์ภาพรวมของน้ำมันดิบ WTI ว่า
“นักลงทุนไม่ควรประมาทกับขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน หากราคาต้องร่วงลงมาเพื่อปรับฐานแล้ว มีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันจะสามารถลงไปถึง $33.66 หรือ $36.15 ต่อบาร์เรลได้เลย”