ขอขอบคุณภาพประกอบ: CQG
- แท่งเทียนกลับตัวในกราฟรายเดือนคือสัญญาณทางเทคนิคที่ทรงพลัง
- สัญญาณกลับตัวเป็นขึ้นและลงในตลาดสินค้าโลหะมีค่า
- รูปแบบขาขึ้นในกราฟซื้อขายน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ล่วงหน้า
- แท่งเทียนของกราฟกาแฟและโกโก้มีสัญญาณเป็นบวก
- ดอลลาร์สหรัฐกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ในที่สุดเราก็มาถึงเดือนสุดท้ายของปีวิปโยค 2020 กันแล้ว ปีนี้มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายและจะถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ไปอีกนานแสนนาน ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มียอดติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดจนสามารถแซงไข้หวัดสเปนที่ว่ากันว่าเลวร้ายที่สุดในปี 1918 ได้ นอกจากนี้เรายังได้เห็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่วุ่นวายที่สุดของประวัติศาสตร์อเมริกายุคใหม่ซึ่งเราก็ได้ประธานาธิบดีคนใหม่นายโจ ไบเดนมาแล้วแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังอยู่ในตำแหน่งว่าที่ประธานาธิบดีอยู่ก็ตาม
มีอะไรอีกที่เราได้เห็นในปีแห่งความวิปโยคนี้? การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ในปีนี้ก็นับว่าเป็นการโยกเงินที่มากที่สุดครั้งหนึ่ง และตลาดก็มีความผันผวนสูงมาก นับตั้งแต่การลงสร้างจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม จากนั้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ปรับตัวกลับขึ้นมาจนสามารถสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลได้แม้ว่าเศรษฐกิจจะพังพินาศและมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกิน 200,000 คนต่อวันไปแล้ว
ถึงจะเป็นเช่นนั้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็นับได้ว่าเป็นเดือนที่ดีที่สุดเดือนหนึ่งของตลาดหุ้นปี 2020 เลย ดัชนีหลักๆ หลายตัวสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้ไม่ว่าจะเป็นแนสแด็กที่ปรับตัวขึ้นเกือบ 84% ภายในระยะเวลาเพียงแปดเดือน ดัชนีดาวโจนส์ก็สามารถขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่เกิน 30,000 จุดได้เป็นที่เรียบร้อย
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เองก็มีความเคลื่อนไหวและผันผวนไม่น้อยไปกว่าตลาดหุ้น ในเดือนเมษายนราคาซื้อขายน้ำมันดิบบนตลาด NYMEX ได้ลงไปสร้างจุดติดลบ $40 ต่อบาร์เรลได้เป็นครั้งแรกก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมามีราคาซื้อขายมากกว่า $45 ต่อบาร์เรลได้ในปัจจุบัน ราคาแร่เงิน ลงไปสร้างจุดต่ำสุดตั้งแต่ปี 2009 ได้ในปีนี้ก่อนที่จะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2013 ได้ ส่วนพระเอกตลอดกาลอย่างทองคำก็ได้สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่เหนือ $2000 ได้เป็นที่เรียบร้อยในเดือนสิงหาคม ทองแดงมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $2.06 ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2016 ก่อนที่จะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดมากกว่า $3.40 ต่อปอนด์ได้สำเร็จ
สินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ก็สามารถสร้างสถิติที่น่าสนใจได้เช่นกัน ข้าวสาลีสามารถขึ้นถึงจุดสูงสุดในรอบหกปีในขณะที่ถั่วเหลือง ก็สามารถสร้างจุดสูงสุดในรอบหลายปีได้ด้วย แต่ที่น่าสนใจจนเราต้องนำมาเขียนเป็นบทความนี้คือในวันที่ 30 พฤศจิกายน เราได้เห็นสัญญาณกลับตัวในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เกิดขึ้นพร้อมกันห้าตลาด มีสองตลาดเป็นแนวโน้มขาลงส่วนอีกสามตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากข่าวดีวัคซีนที่เชื่อว่าจะเป็นธีมหลักของการลงทุนในปี 2021 เป็นต้นไป
แท่งเทียนกลับตัวในกราฟรายเดือนคือสัญญาณทางเทคนิคที่ทรงพลัง
สัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นเกิดขึ้นหลังจากราคาสินทรัพย์ลงไปต่ำกว่าระดับต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้าแต่ในตอนที่กำลังจะปิดแท่งเทียนกลับสามารถพลิกกลับมามีราคาปิดสูงกว่าระดับสูงสุดของแท่งเทียนแท่งก่อนหน้าได้ จากนั้นแท่งเทียนถัดมาก็สามารถสร้างราคาปิดที่สูงกว่าระดับราคาปิดของแท่งก่อนหน้านั้น โดยปกติแล้วการกลับตัวของราคาสะท้อนให้เห็นถึงการต่อต้านของนักลงทุนฝ่ายตรงข้าม นักลงทุนระยะยาวหรือกลุ่มที่เน้นการตามแนวโน้มเป็นหลักมักจะรอสัญญาณเหล่านี้เพื่อทำการเข้าซื้อหรือขาย
สัญญาณกลับตัวเป็นขึ้นและลงในตลาดสินค้าโลหะมีค่า
หลังจากขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนตุลาคม ภาพที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนของทองคำถือเป็นคนละเรื่องกับเดือนก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง ราคาทองคำร่วงลงอย่างต่อเนื่องและมีราคาปิดต่ำกว่าระดับต่ำสุดของเดือนตุลาคม
จากรูปจะเห็นว่าราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าบนตลาด NYMEX สามารถลงไปแตะสุดต่ำสุด $1859.20 และมีระดับราคาต่ำสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ $1775.70 ขาลงเต็มแท่งในเดือนที่แล้วส่งสัญญาณว่าราคาทองคำกำลังกลับตัว
ในขณะที่ทองคำส่งสัญญาณขาลงชัดเจนมาก กราฟแร่เงินกลับสวิงอยู่ในกรอบแคบๆ
รูปที่เห็นอยู่ด้านบนนี้แสดงภาพของราคาแร่เงินที่ขึ้นไปสร้างระดับสูงสุดที่สูงกว่าของเดือนตุลาคม จากนั้นก็ย่อตัวกลับลงมาวิ่งอยู่ที่ 9.10 เซนต์ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับต่ำสุดของเดือนตุลาคมในวันที่ 30 พฤศจิกายน นี่คือสัญญาณขาลงที่เกิดขึ้นจากทั้งทองคำและเงินในเดือนที่แล้ว แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองกลับมีแร่สินทรัพย์อีกตัวหนึ่งที่วิ่งไปอีกทาง
ราคาแพลตินัมในตอนแรกได้ปรับตัวลดลงไปยัง $5.30 ซึ่งต่ำกว่าระดับต่ำสุดของเดือนตุลาคมก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมามีราคาอยู่ที่ $47.40 สูงกว่าจุดสูงสุดเดือนตุลาคม
สรุปก็คือว่าทองคำและแร่เงินส่งสัญญาณบ่งบอกว่าเดือนธันวาคมกำลังจะกลายเป็นเดือนที่ทั้งสองสินทรัพย์ถูกเทขายในขณะที่ตลาดซื้อขายแพลตินัมล่วงหน้ากำลังจะได้โอกาสทะลุแนวต้านขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่า
รูปแบบขาขึ้นในกราฟซื้อขายน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ล่วงหน้า
ในโลกของการลงทุนน้ำมัน ตลาดจะอ้างอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าจาก WTI และเบรนท์เป็นหลัก WTI คือน้ำมันที่ใช้โดยสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่เท่านั้นในขณะที่เบรนท์ถือเป็นตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าที่ถูกนำไปอ้างอิงในยุโรป แอฟริกาและตะวันออกกลาง
จากรูปได้แสดงให้เห็นถึงกราฟราคาน้ำมันดิบเบรนท์รายเดือนที่ลงมาต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดือนตุลาคม $36.68 มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $35.73 ในเดือนพฤศจิกายนก่อนที่ราคาจะปรับตัวกลับขึ้นมาและสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ที่ $47.88 ต่อบาร์เรล กลายเป็นสัญญาณกลับตัวของขาขึ้นที่สำคัญ
ส่วนกราฟด้านบนนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าบนตลาด NYMEX ในกราฟรายเดือน ก่อนหน้านี้ราคาเคยปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดือนตุลาคม $1.28 ก่อนที่จะกลับขึ้นมา $3.64 มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $41.70 ต่อบาร์เรลเหนือจุดสูงสุดเดือนตุลาคม ส่วนราคาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนมกราคมมีราคาปิดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนอยู่ที่ $45.54
นักวิเคราะห์ประเมินว่าตลาดน้ำมันดิบในเดือนธันวาคมนี้จะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากปริมาณความต้องการพลังงานความร้อนในช่วงหน้าหนาวที่เพิ่มขึ้นและผลการประชุมโอเปกพลัสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2021
แท่งเทียนของกราฟกาแฟและโกโก้มีสัญญาณเป็นบวก
สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอาหารอย่างโกโก้และกาแฟก็ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นในกราฟรายเดือนด้วยเช่นกัน
กราฟการซื้อขายกาแฟรายเดือนบนตลาด ICE ด้านบนแสดงให้เห็นช่วงเวลาที่ราคาร่วงลงมาต่ำกว่า $43 ต่อตันซึ่งต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดือนพฤศจิกายนและมีราคาปิดในวันที่ 30 พฤศจิกายนอยู่ที่ $481 ซึ่งสูงกว่าจุดสูงสุดในเดือนก่อนหน้าที่ $3008 ในตอนนั้นราคาโกโก้ปรับตัวลดลงหลังจากวันฮาโลวีนเนื่องจากมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
ในเดือนพฤศิกายน บริษัทยักษ์ใหญ่เฮอร์ชีส์ (NYSE:HSY) ได้เข้ามาซื้อโกโก้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาของโกโก้ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ของปี 2020 ซึ่งเป็นจุดที่สูงกว่าระดับสูงสุดในปี 2016 ด้วย
ราคาซื้อขายกาแฟล่วงหน้าบนตลาด ICE ได้วิ่งลงไปสร้างจุดต่ำสุดของเดือนพฤศจิกายนที่ 0.80 เซนต์ก่อนที่จะวิ่งกลับขึ้นมาปิดในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ 6.85 เซนต์ เหนือจุดสูงสุดของเดือนตุลาคมและกลายเป็นการสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ยกตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2019
ดอลลาร์สหรัฐกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐถือเป็นสกุลเงินสำรองของโลกและเป็นตัวชี้วัดที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกัลราคาสินค้าโภคภัณฑ์มากมาย การแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์ส่งผลกดดันต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเช่นเดียวกันในทางตรงกันข้าม เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาถือเป็นเดือนที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงมากที่สุดเดือนหนึ่งของปี 2020
กราฟรายเดือนด้านบนนี้แสดงให้เห็นราคาปิดของดัชนีในเดือนพฤศจิกายนที่ปรับลดลงต่ำกว่าของเดือนก่อน นี่คือขาลงที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ครั้งสุดท้ายที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐเคยลงไปสร้างจุดต่ำสุดต้องย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ซึ่งตอนนี้ดัชนีเคยลงไปสร้างเอาไว้ที่ 88.15
ก่อนจะจบบทความนี้ เราขอสรุปภาพรวมกราฟในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนที่ได้พูดถึงในบทความนี้อีกครั้ง
- ทองคำ: มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,840 อยู่ในขาขึ้นแต่ไม่ได้ขึ้นต่อ
- แร่เงิน: มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $24.253 อยู่ในขาขึ้นแต่ไม่ได้ขึ้นต่อ
- แพลตตินัม: มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1072.80 อยู่ในขาขึ้นและปรับตัวขึ้นต่อ
- น้ำมันดิบ WTI บน NYMEX: มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $46.26 อยู่ในขาขึ้นและปรับตัวขึ้นต่อ
- น้ำมันดิบเบรนท์: มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $49.25 อยู่ในขาขึ้นและปรับตัวขึ้นต่อ
- โกโก้: มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $2654 ไม่ได้ขึ้นต่อ
- กาแฟ: มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1.1755 ไม่ได้ขึ้นต่อ
- ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ: มีราคาอยู่ที่ 90.694 และยังปรับตัวลดลงต่อ
เวลาจะเป็นตัวบอกเองว่าพฤติกรรมราคาจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคในบทความนี้จะทำให้ราคาขึ้นหรือลงต่อหรือไม่ ผม (ผู้เขียน) เชื่อว่าความผันผวนในสินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงอยู่ไม่เว้นว่าปี 2021 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวจากโควิด-19 หรือไม่ ที่สำคัญตราบใดที่ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนมูลค่าก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ได้ปรับตัวขึ้นในอนาคต