โดยปกติแล้วก่อนที่วันขอบคุณพระเจ้าจะมาถึง มักจะเป็นช่วงเวลาที่ซบเซาที่สุดในตลาดลงทุนที่ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือถ้ามีก็จะเป็นการวิ่งอยู่ในกรอบราคาแคบๆ เท่านั้นเพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ปิดคำสั่งซื้อขายและพากันออกจากตลาดไปเฝ้ารอช่วงวันหยุดยาว แต่เพราะปี 2020 เป็นปีที่ไม่ปกติ จึงไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นกราฟในตลาดฟอเร็กซ์ยังขยันทำจุดสูงสุด (High) หรือต่ำสุด (Low) ใหม่อย่างต่อเนื่อง สำหรับกราฟบางตัวอย่าง EUR/USD และ USD/JPY อันที่จริงเคยมีประวัติการวิ่งจนหลุดกรอบมาแล้ว (หรือที่เรียกกันว่าเบรกเอาท์ (Breakout)) ในช่วงสัปดาห์ที่มีวันขอบคุณพระเจ้า ลองพิจารณารูปประกอบด้านล่างนี้ดู
ในปี 2019 กราฟ USD/JPY สามารถขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดในรอบหกเดือนได้ก่อนวันขอบคุณพระเจ้าในขณะที่กราฟ EUR/USD สามารถลงไปยังจุดต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนได้หลังจากวันนั้น ในปี 2018 ไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นแต่ในปี 2017 กราฟ EUR/USD และ GBP/USD สามารถขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบหนึ่งเดือนได้ในวันขอบคุณพระเจ้าในขณะที่กราฟ USD/JPY ลงไปหาจุดต่ำสุดใหม่ตั้งแต่วันก่อนหน้า ในปี 2016 กราฟ EUR/USD ร่วงลงไปยังจุดต่ำสุดในรอบ 11 เดือนในสัปดาห์ของวันขอบคุณพระเจ้าส่วนกราฟ USD/JPY ขึ้นไปหาจุดสูงสุดในรอบเจ็ดเดือนและในปี 2015 กราฟ EUR/USD และ GBP/USD วิ่งลงไปยังจุดต่ำสุดในรอบเจ็ดเดือนส่วนกราฟ USD/JPY เลือกที่จะไซด์เวย์ จากกรณีศึกษาจะเห็นได้ว่ากราฟส่วนใหญ่มักจะเลือกที่ที่ตัวเองควรอยู่ก่อนที่วันขอบคุณพระเจ้าจะมาถึง
สำหรับตอนนี้ หากมองไปที่กราฟ USD/JPY จะเห็นว่าราคานั้นยังอยู่ห่างจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดในรอบหลายเดือนอยู่พอสมควร แต่สำหรับกราฟ EUR/USD แล้วตอนนี้อยู่ห่างจากจุดสูงสุดในรอบสองเดือนเพียง 100 จุดเท่านั้น ประวัติศาสตร์ที่เราได้อธิบายไปก่ินหน้านี้เตือนให้รู้ว่าจากนี้ไปอีก 24-72 ชั่วโมงคือชั่งเวลาที่นักลงทุนต้องจับตามองเป็นพิเศษ แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะหยุดทำการในวันพฤหัสบดีแต่ตลาดสกุลเงินยังเทรดได้ในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก วันนี้จะมีการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญอยู่อย่างเช่นการรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 3 การรายงานตัวเลขรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล ตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน และที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือพาดหัวข่าวเกี่ยวกับโควิดทั้งยอดผู้ติดเชื้อและความคืบหน้าของวัคซีน การเมืองหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ ตอนนี้ก็อยู่ในจุดที่ต้องเฝ้าดูเป็นระยะๆเพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยอมให้ทีมงานดำเนินตามขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านนโยบายไปให้กับโจ ไบเดนแล้ว