- ราคาทองคำยังอยู่ในขาลงแม้ว่าดอลลาร์อ่อน และเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัย
- ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากข่าวดีวัคซีนในศุกร์ส่วนตลาดหุ้นปิดติดลบ
โควิด-19 จะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่คุมตลาดลงทุนต่อในสัปดาห์นี้ ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นรายวันยังคงแข่งกับข่าวดีการพัฒนาวัคซีนที่พร้อมจะให้ทั้งอารมณ์สุข และเศร้า ได้กำไร และขาดทุนในสัปดาห์นี้ไปในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้วันพฤหัสบดีที่กำลังจะมาถึงจะเป็นวันหยุดของสหรัฐฯ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า นักลงทุนจะจับตาดูเป็นพิเศษว่ายอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่หลังจากผ่านวันหยุดดังกล่าวไปแล้ว
การที่เราบอกว่าธีมการลงทุนจะยังคงเป็นเรื่องของโควิดเพราะสามารถสังเกตได้อย่างเห็นได้ชัดจากพฤติกรรมราคาในตลาดหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันใดที่มีข่าวดีเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีน ตลาดหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นจนสามารถปิดบวกได้ แต่วันใดที่ไม่มีข่าวดี บรรยากาศการลงทุนในตลาดจะเปลี่ยนไปเป็นเศร้าหมองทันทีเมื่อได้เห็นยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อโควิดสะสมในสหรัฐฯ มี 12.3 ล้านคนและล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อรายวันสามารถขึ้นไปแตะจุดสูงสุดได้ที่ 190,000 รายก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาในช่วงวันหยุด
นักลงทุนยังไม่เลือกกลุ่มการลงทุนที่ชัดเจนยกเว้นแต่กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ
ดัชนีหลักๆ ของสหรัฐฯ ปิดตลาดด้วยขาลงเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเช่น S&P 500 และดาวโจนส์ ตลาด NASDAQ แม้จะลงในวันศุกร์แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ถือว่าสามารถปิดบวกได้ 0.2% ในขณะที่ Russell 2000 สามารถทรงตัวอยู่ในขาขึ้นได้ตลอดทั้งสัปดาห์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมหลังจากที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ต่ออายุโครงการเงินกู้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สำหรับการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในวงเงิน 4.55 แสนล้านดอลลาร์ที่จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.และขอให้เฟดดำเนินการคืนเงินส่วนที่ไม่ได้ใช้ให้กับกระทรวงการคลัง
การโยกเงินออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไปยังหุ้นกลุ่มวัฎจักรอื่นจะยังคงเป็นอีกปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับตลาด การเปลี่ยนถ่ายระหว่างหุ้นที่มีมูลค่า และมีอัตราการเติบโตอย่างเช่นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มการเงินจะยังคงดำเนินต่อไป ที่สำคัญยังมีนักลงทุนบางส่วนที่ย้ายเงินออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหันไปลงทุนกับตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่อย่างเช่นโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตามหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพยังคงเป็นที่จับตามองอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากหุ้นของบริษัทไฟเซอร์ (NYSE:PFE) และไบโอเอ็นเทค (NASDAQ:BNTX) ต่างปรับตัวขึ้นเมื่อมีข่าวมาจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) และว่าพวกเขารับคำร้องของทั้งคู่ในการอนุญาตให้วัคซีนต้านโควิด-19 ของพวกเขาสามารถใช้งานในกรณีฉุกเฉินได้
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเห็นว่าหุ้นของไบโอเอ็นเทคปรับตัวขึ้นมากกว่า 9.5% ในขณะที่ของไฟเซอร์ปรับตัวขึ้น 1.4% คิดเป็นขาขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ 3.1% ในทางตรงกันข้าม หุ้นของบริษัท Gilead (NASDAQ:GILD) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนต้านโควิดเช่นกันกลับปรับตัวลดลงหลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาแนะนำไม่ให้ใช้ยา Remdesivir ของบริษัทแม้ว่า FDA ของสหรัฐฯ จะอนุมัติไปแล้วในเดือนตุลาคม WHO อ้างว่ายังไม่มีหลักฐานว่ายานี้ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตให้ผู้ป่วยได้ หลังจากการตรวจสอบข้อมูลการทดลองหลายครั้ง
อย่างที่เราเคยได้เขียนไปในหลายๆ บทความของ investing.com แล้วว่าอย่าคาดหวังว่ามีข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนเข้ามาแล้วโควิดจะหายไปในทันที ผู้เชียวชาญในวงการแพทย์ยังคงยืนยันตรงกันว่าจากตรงนี้เรายังจะต้องอยู่กับโควิดไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี ถึงจะเริ่มได้เห็นชีวิตที่กลับไปใกล้เคียงกับยุคก่อนโควิด
ตัวชี้วัดอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มีความเคลื่อนที่ส่งสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่นตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นในขณะที่ดัชนีวัดความผันผวน (VIX) ปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
กราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสามารถปรับตัวขึ้นชดเชยขาลงตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนได้
การเกิดแท่งเทียนรูปค้อนกลับหัว (Inverted Hammer) ในรูปแสดงให้เห็นว่าขาขึ้นกำลังจะกลับมาคุมตลาดในสัปดาห์นี้
สกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกดอลลาร์สหรัฐยังไม่สามารถแสดงหลักฐานของขาขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้
กราฟยังคงยืนหยัดได้ดีบนแนวรับเดียวกับคือ 92.13 โดยมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ไส้ของแท่งเทียนที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายน
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นแม้ว่าดอลลาร์และตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลง
นี่คือครั้งที่สองที่เราสังเกตเห็นว่าราคาทองคำยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากฝั่งขาขึ้นแม้ว่าจะมีตำแหน่งเป็นสินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่งหรือแม้ว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าอยู่ก็ตาม ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมของทองคำที่บริเวณแนวรับซึ่งวิเคราะห์เอาไว้ไม่ได้ดีขึ้นเลย ทองคำยังทำท่าว่าอยากลงต่ออยู่
เราเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่ราคาทองคำไม่ปรับตัวขึ้นทั้งๆ ที่สถานการณ์เป็นใจเนื่องจากตลาดกำลังให้ความสนใจไปที่สกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ที่ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นมาเป็นสัปดาห์ที่เจ็ดติดต่อกันแล้ว นี่คือขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เฉพาะสัปดาห์ที่แล้วกราฟบิทคอยน์ปรับตัวขึ้น 16.2% ถือเป็นสถิติขาขึ้นที่ดีที่สุดตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2019 แม้จะเข้าใกล้จุดสูงสุดตลอดกาลมากแค่ไหน เราพิจารณาว่าตอนนี้บิทคอยน์อยู่ในโซน overbought แล้ว
รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก EIA เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่ามีน้ำมันดิบอยู่ในคลังเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล เยอะกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ 913,000 บาร์เรล การเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังเป็น 61.6 ล้านบาร์เรลทำให้ปริมาณน้ำมันดิบสะสมเพิ่้มขึ้นเป็น 81% รวมแล้วมี 76 ล้านบาร์เรล นี่คือตัวเลขที่ใกล้เคียงกับช่วงที่มีน้ำมันดิบคงคลังมากที่สุดในเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวกลับขึ้นมาได้ในวันศุกร์เพราะความหวังเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนที่เชื่อว่าจะสามารถช่วยเพิ่มปริมาณความต้องการน้ำมันดิบได้
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาน้ำมันดิบต้องสามารถขึ้นยืนเหนือ 43.76 ให้ได้เพื่อยืนยันถึงขาขึ้นระยะยาว หากไม่สามารถขึ้นยืนเหนือได้ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสที่จะกลับลงไปยัง $36
ข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EST)
วันจันทร์
03:30 (เยอรมัน) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะลดลงจาก 58.2 เป็น 56.5
04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะคงที่ 53.3
04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการบริการ: คาดว่าจะคงที่ 52.3
09:45 (สหรัฐฯ) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะลดลงจาก 53.4 เป็น 53.0
วันอังคาร
02:00 (เยอรมัน) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าในไตรมาสที่ 3 จะคงที่ 8.2%
04:00 (เยอรมัน) ดัชนีวัดบรรยากาศทางธุรกิจโดย Ifo: คาดว่าจะลดลงจาก 92.7 เป็น 90.7
09:00 (ยูโรโซน) แถลงการณ์จากประธานธนาคารแห่งสหภาพยุโรป (ECB) นางสาวคริสตีน ลาการ์ด
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากซีบี: คาดว่าจะลดลงจาก 100.9 เป็น 98.0
วันพุธ
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน: คาดว่าจะลดลงจาก 0.8% เป็น 0.4%
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 3: คาดว่าจะคงที่ 33.1%
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงจาก 742K เป็น 725K
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 959K เป็น 975K
14:00 (สหรัฐฯ) รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC)
วันพฤหัสบดี
06:30 (ยูโรโซน) การประชุมนโยบายการเงินของ ECB
07:30 (ยูโรโซน) แถลงการณ์เกี่ยวกับนโยบายการเงินจาก ECB
20:00 (ญี่ปุ่น) รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน: คาดว่าจะลดลงจาก -0.5% เป็น -0.7%
หมายเหตุ: วันพฤหัสบดีเป็นวันหยุดของสหรัฐฯ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
วันศุกร์
02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขดัชนี HPI: คาดว่าจะลดลงจาก 0.8% เป็น 0.2%