ในขณะที่กำลังเขียนบทความอยู่ กราฟบิทคอยน์มีราคาอยู่ที่ $17,600 โดยประมาณหลังจากที่สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบสามปีเอาไว้ที่ $18,400 นี่คือความผันผวนที่เกิดขึ้นระหว่างขาขึ้น 0.9% และร่วงลงมา 2.3% เมื่อวานนี้ สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดตามราคาบิทคอยน์มาก่อนเราจะขอเล่าอดีตสั้นๆ ว่าครั้งหนึ่งในวันที่ 17 ธันวาคมปี 2017 กราฟบิทคอยน์เคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $19,891 ก่อนที่จะร่วงลงไปทั้งสิ้น 84% มีราคาซื้อขายต่ำสุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมปี 2018 อยู่ที่ $3219.20
ใช่แล้ว! นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคาบิทคอยน์สามารถขึ้นมาได้สูงขนาดนี้ ด้วยความเชื่อของตลาดที่ว่าบิทคอยน์สามารถเป็นสินทรัพย์ทางเลือกได้อีกตัวหนึ่งทำให้ราชาสกุลเงินดิจิทัลสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้จนถึงปัจจุบัน หากลองวัดจากจุดต่ำสุดที่กล่าวขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดล่าสุดนี้พบว่าราคาบิทคอยน์ได้วิ่งขึ้นมาแล้ว 465% นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกอย่างดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางและรัฐบาลเช่นการทำ QE การลดอัตราดอกเบี้่ยและการซื้อสินทรัพย์เพื่ออุ้มเศรษฐกิจเอาไว้
เฉพาะปีนี้ราคาบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 150% และล่าสุดขึ้นมาอีก 15% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นี่คือปรากฎการณ์ที่แม้กระทั่งผู้ที่เคยปฎิเสธบิทคอยน์อย่างคุณเรย์ ดาริโอ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังและนายเจมมี่ ไดมอน CEO ของ เจพี มอร์แกนยังต้องยอมเปลี่ยนมุมมองความคิด เจ้าของหนังสือชื่อดัง “Principles” ได้ออกมายอมรับผ่านทวิตเตอร์ของเขาว่า “ที่ผ่านมาเขามองเรื่องบิทคอยน์ผิดไป” ในขณะที่เจมมี่ ไดมอนเคยกล่าวในปี 2017 ว่าบิทคอยน์เป็นเพียงสกุลเงินหลอกลวง ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ศรัทธาในระบบบล็อกเชนไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณากราฟด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเรามองว่าขาขึ้นของบิทคอยน์เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว และตอนนี้อาจเป็นโอกาสที่ที่นักลงทุนควรออกจากตลาดเพื่อทำกำไรก่อนแล้วค่อยหาโอกาสเข้าซื้อใหม่ในภายหลัง
เริ่มต้นที่การพิจารณารูปแบบแท่งเทียนกันก่อน ตั้งแต่วันพุธเราจะเห็นว่าราคาได้สวิงขึ้นลงระหว่างปิดบวกและปิดลบมาสองวันติดต่อกัน มีความต่างของราคาปิดห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พฤติกรรมราคาแบบนี้สามารถตีความได้เป็นสองกรณีคือผ่อนแรงเพื่อขึ้นต่อหรือกำลังจะมีการเปลี่ยนเทรนด์เกิดขึ้น ความจริงอีกอย่างที่เกิดขึ้นในภาพก็คือความผันผวนดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นขอบบนของกรอบราคาขาขึ้นพอดี ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ให้ฝั่งขายมากกว่าฝั่งซื้อ นี่คือโอกาสอันดีที่ฝั่งขายจะสามารถชักชวนให้ฝั่งซื้อเชื่อได้ว่าราคาหมดแรงแล้วและต้องการพักผ่อนเอาแรงก่อน
ในส่วนของอินดิเคเตอร์อย่าง RSI ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยใน RSI เกาะอยู่ในโซน overbought มาเกือบหนึ่งเดือนเต็ม ถือเป็นช่วงเวลาที่นานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2019 และกำลังสร้างรูปแบบหัวไหล่เพื่อปรับตัวลดลงมาด้วย ในความเห็นส่วนตัว เรากำลังเป็นกังวลกับนักลงทุนที่เข้ามาถือบิทคอยน์ในช่วงนี้เพราะนี่คืออาการของขาขึ้นที่เกิดมาจาก “การกลัวตกรถ (FOMO)” มากกว่าที่จะเป็นการถือเพราะเชื่อในมูลค่าของบิทคอยน์จริงๆ
เมื่อเหล่าปลาวาฬพอใจในผลกำไรแล้ว พวกเขาจะออกจากตลาดเพื่อตั้งหลัก รอรอบเข้ารอบใหม่ เมื่อถึงตอนนั้น เราอยากให้นักลงทุนที่กำลังสนใจจะเข้าซื้อบิทคอยน์ในตอนนี้ได้ย้อนกลับไปดูสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2017 ถึงต้นปี 2018 อย่าลืมว่าขาขึ้นขึ้นมาได้เร็วเท่าไหร่ เวลาลงมักจะลงได้เร็วกว่านั้นหลายร้อยเท่า
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาจะวิ่งกลับลงมายังกรอบราคาด้านล่างและเกิดแท่งเทียนขาขึ้นยืนยันการกลับเข้าสู่เทรนด์หลัก
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอเช่นเดียวกันกับกลุุ่มที่ไม่ชอบความเสี่ยง แต่จะไม่รอแท่งเทียนยืนยัน
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะเสี่ยงกินกำไรกับการวางคำสั่งขายในตอนนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องการทำกำไรจากขาลงระยะสั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นเพราะสามารถยอมรับความเสี่ยงได้
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $18,020
- Stop-Loss: $18,220
- ความเสี่ยง: $200
- เป้าหมายในการทำกำไร:$16,020
- ผลตอบแทน: $2000
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:10