💎 ดูบริษัทต่าง ๆ ที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบันเริ่มต้นเลย

ปรับพอร์ตหลังเลือกตั้งสหรัฐ กับ “สองเรื่องที่ไม่เปลี่ยนไป” และ “สองเรื่องที่เปลี่ยนแปลง”

เผยแพร่ 13/11/2563 06:03


ในระหว่างที่นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังติดตามผลเลือกตั้งสหรัฐปี 2020 ที่สูสีและตื่นเต้นที่สุดครั้งนี้อยู่ หลายคนก็เริ่มตั้งคำถามว่าเราต้อง “ปรับพอร์ต” รับมือกับความไม่แน่นอนที่สูง หรือนโยบายเศรษฐกิจที่อาจเปลี่ยนแปลงไปจากการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ อย่างไร
 
แต่ไม่ทันที่เราจะตั้งตัว การตอบรับล่าสุดของตลาดก็กลับเป็นไปในทาง “บวก” กับแทบทุกสินทรัพย์ จนความ “ไม่กล้าเสี่ยง” ของนักลงทุนกลับกลายเป็นต้นทุนไปเสียแล้ว
 
อาการ “กลัวตกรถ” คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับนักลงทุนทั่วโลกในตอนนี้ แม้นักลงทุนที่ประสบการณ์สูงจะรู้ตัวว่าภาวะดังกล่าวอาจนำไปสู่ความเสี่ยงมากกว่าโอกาส แต่การที่ทุกสินทรัพย์ปรับตัวขึ้นก็ยากที่จะทำเป็นไม่สนใจ
 
อย่างไรก็ดี สำหรับการสร้างความมั่งคั่งและลงทุนระยะยาว สิ่งสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน ไม่ควรเกิดขึ้นแค่จากผลการเลือกตั้งสหรัฐว่าจะเปลี่ยนแปลงมุมมองเศรษฐกิจไปในทิศทางไหน แต่ควรต้องคิดไปพร้อมกับ ระดับราคา อารมณ์ของตลาด ตำแหน่งของแต่ละสินทรัพย์ในปัจจุบัน รวมไปถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตหลังการเลือกตั้งพร้อมกันด้วย
 
เมื่อเราเรียงลำดับความคิดให้ดี จะพบว่าในโลกของการลงทุนมี “สองเรื่องสำคัญที่ไม่เปลี่ยนไป” และมีเพียง “สองเรื่องสำคัญที่เปลี่ยนแปลง”อย่างมีนัยจากการเลือกตั้งในสหรัฐครั้งนี้ 
 
ประเด็นแรก คือทิศทางของยีลด์ทั่วโลก “ไม่เปลี่ยน” และตลาดเชื่อว่าดอกเบี้ยกับผลตอบแทนของตราสารหนี้จะอยู่ในระดับต่ำอย่างนี้ต่อไปอีกนาน
 
เห็นได้ชัดจากล่าสุดที่บอนด์ยีลดสหรัฐอายุสองปีและสิบปีแทบไม่ไปไหน ปัจจุบันซื้อขายในระดับต่ำเป็นประวัติศาสตร์ที่ 0.15% และ 0.85% ตามลำดับ ตอกย้ำด้วยการที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด “คงดอกเบี้ยนโยบาย” ที่ 0.00-0.25% ในวันถัดมา ชี้ว่าผลตอบแทนจากบอนด์คงไม่มีทางสูงขึ้นเร็ว ๆ นี้ และจะเป็นสิ่งที่ “ได้ไม่คุ้มเสีย” ต่อไปอีกซักพักหลังการเลือกตั้ง นักลงทุนจึงยังควร “ลด” ลงทุนแบบเน้นรายได้ และตั้งใจมองหาการลงทุนที่เติบโตมาแทนที่ก่อน
 
แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องระวังสิ่งที่การเลือกตั้ง “ไม่สามารถเปลี่ยนได้” อย่างที่สอง ซึ่งคือระดับราคาของสินทรัพย์เสี่ยง
 
เนื่องจากผลการเลือกตั้งสหรัฐครั้งนี้ นอกจากจะไม่มีพรรคการเมืองไหนสามารถกุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาทั้งหมดไว้ได้แล้ว ยังแสดงให้เราเห็นอีกด้วยว่าชาวสหรัฐมีความแตกแยกทางอุดมการณ์อย่างชัดเจน
 
ประเด็นดังกล่าวจะทำให้การเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายขนาดใหญ่ เช่นการอัดฉีดเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยการขาดดุลทางการคลังสูง หรือการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจบางประเภท จะถูกต่อต้านเสมอจากฝั่งตรงข้ามจนเกิดขึ้นจริงได้ยาก
 
หมายความว่า หุ้นที่เน้นสร้างนวัตกรรมที่แพงก็จะแพงต่อไปจนกว่าจะมีการตอบรับของตลาดที่ดีในอนาคต ขณะที่หุ้นพื้นฐานที่ถูกก็ต้องรอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้กลับมาให้ได้ด้วยตัวเองเสียก่อน
 
ดังนั้น จึงไม่ต้องรีบร้อนกลับเข้าลงทุนในหุ้นสหรัฐ แต่ควรเน้นปรับสมดุลพอร์ต ด้วยการผสมผสานหุ้นพื้นฐาน (Value) ควบคู่ไปกับหุ้นเติบโต(Growth) ให้มากขึ้น เพื่อรอวันให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากวิกฤติได้ก่อน
 
ส่วนเรื่องที่การเลือกตั้งครั้งนี้ “เปลี่ยน” ตลาดการเงินอย่างแรกคือสถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของดอลลาร์ที่ลดบทบาทลงอย่างรวดเร็ว
 
แค่ย้อนกลับไปในเทียบกลางปีที่ผ่านมากับปัจจุบัน ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ร่วงลงจากระดับ 100 จุดเหลือเพียง 92จุดไปเสียแล้ว โดยต่อให้การเลือกตั้งจะมีผลบวกกับนโยบายของพรรคเดโมแครต นักลงทุนก็เลือกที่จะเชื่อว่าสหรัฐจะมีการใช้นโยบายทางการคลังอย่างมหาศาล กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า
 
และในกรณีที่ไม่มีแรงหนุนจากการเลือกตั้ง นโยบายทางการเงินก็จะต้องผ่อนคลายลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะมีผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าได้อีกไม่ต่างกัน หมายความว่าไม่ว่าจะเป็นทิศทางไหน เงินดอลลาร์ก็ถูกมองว่าต้องอ่อนค่า
 
ดังนั้น การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) จึงดูน่าสนใจที่สุด เพราะมักเป็นสินทรัพย์ที่พื้นตัวได้เร็วในช่วงที่สกุลเงินท้องถิ่นแข็งค่า ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็สามารถถือทองคำไว้เป็นสินทรัพย์ทางเลือกเพิ่มเติมได้ เพราะในอนาคตเรากำลังจะพบกับดอลลาร์ที่อ่อน และไม่มีสงครามการค้ามาสร้างความผันผวนอีกต่อไป
 
และประเด็นสุดท้ายที่การเลือกตั้งสามารถ “เปลี่ยน” ได้คืออารมณ์ของนักลงทุน เพราะเมื่อเหตุการณ์สำคัญผ่านพ้นไปแล้ว “ความไม่แน่นอน” จะทยอยลดลงและความกล้าของนักลงทุนกำลังเพิ่มขึ้น
 
ชัดเจนที่สุดคือดัชนีวัดความกลัวอย่าง VIX Index ที่ปรับตัวสูงขึ้นผิดปรกติไปถึง 40จุด ในช่วงเลือกตั้ง และย่อตัวลงเหลือเพียง 24จุดเท่ากับก่อนเลือกตั้งในตอนนี้ ชี้ว่านักลงทุนเคยกลัวและเลิกกลัวไปแล้ว
 
โดยอารมณ์ของตลาดหลังความกลัว มักเป็นช่วงที่ตลาด “มีความหวัง” เป็นช่วงที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัว ระดับราคาของสินทรัพย์ยังแพง แต่นักลงทุนกำลังเชื่อว่าอนาคตกำลังจะดีขึ้น มองย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1973 ช่วงมีความหวังของตลาด มักกินเวลาราว 9เดือนต่อรอบ และหุ้นสหรัฐมักให้ผลตอบแทนจากการตีมูลค่า (P/E Expansion) ที่สูงขึ้นถึงกว่า 40% ต่อปีโดยเฉลี่ยในช่วงนี้ 
 
นักลงทุนจึงควร เพิ่มการลงทุนที่สามารถสร้างการเติบโตของพอร์ตให้มากขึ้นไปพร้อมกันด้วย
 
ถึงตรงนี้ เชื่อว่าผู้อ่านคงได้มุมมองในการปรับพอร์ตเพื่อรับมือกับตลาดการเงินหลังการเลือกตั้งครั้งนี้บ้างไม่มากก็น้อย
 
ท้ายที่สุด สิ่งที่ต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอสำหรับการสร้างความมั่งคั่ง คืออย่าให้เหตุการณ์ระยะสั้นมีผลกระทบกับการลงทุนระยะยาวของเรามากเกินไป 
 
“การกระจายการลงทุน” และเลือกสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับภาพเศรษฐกิจระยะยาว จะทำให้เรากล้าลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง 
 
และสุดท้าย ต้องไม่ลืมว่าความเสี่ยงของการสร้างความมั่งคั่ง ไม่ได้มีแค่การ “ขาดทุน” แต่การรับความเสี่ยงที่ต่ำเกินไป ก็สามารถทำให้เราเสี่ยงที่จะ “ไปไม่ถึงเป้าหมาย” ความมั่งคั่งที่เราต้องการด้วยเช่นกัน

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย