สัปดาห์ที่แล้ว สกุลเงินส่วนใหญ่อ่อนมูลค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงอีกกว่า 300 จุด มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ราคาได้ลงมาต่ำกว่า 500 จุดด้วยแต่ก็สามารถดีดกลับขึ้นไปได้ เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายอะไรนักเพราะเราทราบดีอยู่แล้วในฐานะนักลงทุนว่าตลาดจะต้องมีการปรับพอร์ตเพื่อรอรับความผันผวนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งวันเท่านั้น นี่คือการเลือกตั้งที่ไม่อาจรู้ผลแพ้ชนะแบบขาดรอยได้ซึ่งทั้งโลกอาจจะได้รู้ว่าใครเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปในสัปดาห์หน้าเพราะการนับคะแนนต้องล่าช้าจากไวรัสโควิด-19 ดังนั้นแม้จะผ่านวันที่ 3 พฤศจิกายนไปแล้ว แต่เชื่อได้เลยว่าตลอดทั้งสัปดาห์ตลาดลงทุนจะต้องเต็มไปด้วยความผันผวน
สัปดาห์นี้คงจะเป็นสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายนที่วุ่นวายมากเป็นพิเศษเพราะนอกจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้วยังมีการประชุมของสามธนาคารกลางและรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิมแต่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีความเป็นไปได้ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ที่สำคัญกว่านั้น สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์ที่สำคัญของดอลลาร์ออสเตรเลียเพราะจะมีรายงานตัวเลขยอดขายปลีก ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) และรายงานตัวเลขดุลบัญชีการค้า
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ตอนนั้นกราฟ EUR/USDมีกรอบการผันผวนอยู่ที่ 300 จุด กราฟ USD/JPY มี 450 จุดและดัชนี NASDAQ Composite มี 500 จุด หากการเลือกตั้งครั้งนี้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง เราจะได้เห็นการผันผวนของราคาเป็นอย่างมากทั้งในตลาดหุ้นและฟอเร็กซ์ สาเหตุที่สกุลเงินยูโรอ่อนมูลค่าลงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดรอบที่สองซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นในการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางแห่งสหรภาพยุโรป (ECB) อย่างที่ได้รายงานไปในบทความเมื่อวันศุกร์ว่า ECB มีแผนแน่นอนว่าจะปรับนโยบายการเงินในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนธันวาคม ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจรายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสที่สามที่แม้จะออกมาดีขึ้นเพราะนักลงทุนกังวลว่าไตรมาสที่สี่จะต้องเกิดการหดตัวทางเศรษฐกิจอย่างมากจากการประกาศล็อกดาวน์
หลังจากที่เยอรมันและฝรั่งเศสประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เมื่อวันศุกร์ประเทศเบลเยียมก็ได้ประกาศเพิ่มมาตรการคุมเข้มเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทุกธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นจะไม่สามารถเปิดให้บริการได้ในขณะที่เด็กๆ ได้วันหยุดยาวเพิ่มไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน แต่ถึงอย่างไรเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็จะเป็นที่สนใจสำหรับนักลงทุนในตลาดมากกว่าข่าวโควิด-19 ในยุโรปซึ่งนักลงทุนควรจับตาดูสถานการณ์ของทั้งสองเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กัน
มีความเป็นไปได้สามแบบที่อาจจะเกิดขึ้นกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงเช้าของวันพุธตามเวลาประเทศไทย หนึ่งคือโดนัลด์ ทรัมป์ชนะ สองคือโจ ไบเดนชนะและสามคือผลโหวตใกล้เคียงกันมากจนไม่มีฝ่ายใดยอมรับในชัยชนะของอีกฝ่าย หากทรัมป์ชนะจะทำให้ตลาดหุ้น ดอลลาร์สหรัฐและกราฟ USD/JPY ปรับตัวสูงขึ้น สกุลเงินหลักอื่นๆ จะอ่อนค่าลงเพราะหมายความว่าพวกเขาต้องเจอกันแรงกดดันจากทรัมป์ไปอีกสี่ปี ในทางตรงกันข้าม หากโจ ไบเดนได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปจะทำให้ตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง แต่หากผลออกมาไม่สามารถหาผู้ชนะได้ นักลงทุนจะยังคงอยู่ในโหมดหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหมือนอย่างสัปดาห์ที่แล้ว ดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นแต่ตลาดหุ้นจะยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมา
สัปดาห์นี้คงจะเป็นสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายนที่วุ่นวายมากเป็นพิเศษเพราะนอกจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้วยังมีการประชุมของสามธนาคารกลางและรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิมแต่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีความเป็นไปได้ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ที่สำคัญกว่านั้น สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์ที่สำคัญของดอลลาร์ออสเตรเลียเพราะจะมีรายงานตัวเลขยอดขายปลีก ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) และรายงานตัวเลขดุลบัญชีการค้า
อันที่จริงแล้วธนาคารกลางอังกฤษก็จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน แต่เพราะการเจรจา Brexit ยังไม่รู้ผล ทาง BoE อาจจะเลือกที่จะรอต่อไป สำหรับการรายงานตัวเลขการจ้างงาน ในสัปดาห์นี้เราจะได้เห็นตัวเลขของสามประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดาและนิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานของบริษัทสหรัฐฯ จะกลับมาในเดือนตุลาคม แคนาดาซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ดีอยู่แล้วอาจมีการแกว่งของตัวเลขดังกล่าวเล็กน้อย ส่วนนิวซีแลนด์ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตัวเลขที่ออกมาน่าจะแข็งแกร่งดีอยู่แล้วเพราะประเทศไม่ได้มีปัญหาเรื่องผู้ติดเชื้อโควิด-19 เหมือนอย่างประเทศสำคัญอื่นๆ