ไม่แปลกใจเลยที่ดอลลาร์สหรัฐถูกเทขายในตอนนี้เพราะเราเหลือเวลากันอีกเพียง 12 วันก็จะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กันแล้ว การแข่งขันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และผู้ท้าชิงโจ ไบเดนยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แม้ผลสำรวจส่วนใหญ่จะยังยกให้ไบเดนได้แต่นักลงทุนก็ต้องพิจารณาโพลเหล่านี้อย่างมีสติและไม่ประมาท ทรัมป์จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แน่ รัฐที่ต้องจับตาดูคือกลุ่มรัฐที่เป็นชัยภูมิทางการเมืองหลักๆ เพราะคะแนนโหวตในรัฐเหล่านั้นสามารถเหวี่ยงไปทางใดก็ได้ หากโจ ไบเดนสามารถชนะโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยคะแนนที่ห่างไม่มาก โดนัลด์ ทรัมป์อาจจะไม่ยอมลงจากตำแหน่งโดยดี
ฉัน (ผู้เขียน) ขออนุญาตดึงส่วนหนึ่งมาจากบทความที่เขียนไว้ในชื่อว่า “ห้าความเป็นไปได้เกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ” หรือ 5 Crazy Scenarios for the U.S. Election:
“การเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประวัติศาสตร์ของอเมริกาครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะมีปัจจัยรุมเร้าที่พร้อมจะทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนได้ตลอดไม่ว่าจะเป็น โควิด การลงคะแนนผ่านจดหมาย และรัฐที่ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเลือกใครกันแน่จนถึงวินาทีสุดท้าย”
นางแนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรยังคงเชื่อว่าจะได้ยินข่าวดีเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันภายในสัปดาห์นี้ แต่นักลงทุนเริ่มไม่เชื่ออย่างนั้นแล้วและกลับมองว่าเธออาจเล่นข่าวนี้เพื่อดึงความสนใจของพรรครีพับลิกันออกมาจากเลือกตั้ง จากการวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์บางกลุ่ม มีเหตุผลให้เชื่อได้อยู่เหมือนกันว่าเธอไม่ได้การให้ดีลนี้สำเร็จก่อนการเลือกตั้งและนั่นคือสาเหตุว่าทำไมนักลงทุนถึงถอดใจเทดอลลาร์ก่อนวันเลือกตั้ง รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ภาพรวมจากบรรดาธนาคารกลางของรัฐต่างๆ พอจะสรุปได้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังค่อยๆ ดีขึ้น
ในขณะเดียวกันแม้การระบาดรอบที่สองจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซนและสกุลเงินยูโรก็ได้รับความเสียหายเชิงมูลค่าไปด้วย แต่กราฟ EUR/USD กลับยังสามารถวิ่งขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบหนึ่งเดือนได้เมื่อวานนี้ บางประเทศใหญ่ๆ ในยุโรปได้ออกมาตรการคุมเข้มใหม่แล้ว แม้จะยังไปไม่ถึงขั้นเคอร์ฟิวแต่ชาวยุโรปก็พยายามอยู่บ้านให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของเยอรมันลงไปสู่จุดต่ำสุดในรอบเจ็ดเดือนซึ่งปัจจัยนี้ควรจะทำให้สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงด้วย แม้จะมีนักวิเคราะห์บางคนมองว่าธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) ยังไม่พร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน แต่ถ้าเศรษฐกิจในยูโรโซนย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จากการแพร่ระบาดรอบที่สอง ECB ก็ไม่มีทางเลือก สาเหตุเดียวที่กราฟ EURUSD สามารถปรับตัวขึ้นได้เป็นเพราะนักลงทุนเทขายดอลลาร์สหรัฐก่อนการเลือกตั้ง
กราฟ GBP/USD ก็สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดในรอบหนึงเดือนได้เช่นกัน ความหวังที่มีต่อการเจรจา Brexit ประกอบกับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สลับกันระหว่างดีขึ้นกับแย่ลงทำให้ปอนด์ยังสามารถแข็งค่าได้อยู่เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนกันยายนซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์แต่มากกว่าตัวเลขของเดือนก่อน ดัชนีราคาผู้บริโภคสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ ตอนนี้ต้องมาลุ้นข้อมูลของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่จะออกในวันศุกร์ว่าจะสามารถทำให้ขาขึ้นของยูโรและปอนด์คงอยู่ได้หรือไม่
สกุลเงินที่ผูกมูลค่าอยู่กับสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสามอย่างดอลลาร์นิวซีแลนด์และดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์แคนาดาต่างปรับตัวขึ้นหลังจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนมูลค่าลง มีเพียงดอลลาร์แคนาดาเท่านั้นที่ขึ้นน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอีกสองสกุลเงิน ข้อมูลตัวเลขการใช้จับจ่ายใช้สอยด้วยบัตรเครดิตประจำปีของเดือนกันยายนลดลงมากกว่าข้อมูลตัวเลขของเดือนก่อน ถึงกระนั้นเพราะข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ดีกว่าเมื่อเทียบกับของออสเตรเลียจึงจะทำให้กราฟ AUD/NZD ปรับตัวลดลงอีก
หลังจากตัวเลขยอดค้าปลีกของแคนาดาไม่สามารถขึ้นถึงเป้าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ได้ก็ทำให้ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับอีกสองสกุลเงิน เพราะตัวเลขการจ้างงานออกมาดี นักวิเคราะห์จึงมองว่าตัวเลขยอดค้าปลีกจะสามารถขึ้นมาได้อย่างน้อย 1.1% เมื่อเทียบกับ 0.6% ของเดือนก่อนแต่กลับกลายเป็นว่าทำได้เพียง 0.4% แม้จะมีตัวเลขที่ไม่นับรวมกับอุตสาหกรรมยานยนต์แต่การเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ยังถือว่าน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ต้องการ อนึ่ง ดัชนีราคาผู้บริโภคลดลง 0.1% เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์