อันที่จริงแล้วสัปดาห์นี้นอกเหนือจากการรายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการโดย ISM เมื่อวาน (ซึ่งออกมาดี) และรายงานการประชุมจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันพรุ่งนี้ก็ไม่มีข่าวใหญ่อื่นๆ ที่สามารถมาหนุนให้กราฟสินทรัพย์ในสหรัฐฯ และดอลลาร์ปรับตัวขึ้นหรือลงได้ สำหรับการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ พวกเขาได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนมาตั้งแต่เดือนที่แล้วว่าตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ต่ำกว่าเป้าและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับสูงก็จะไม่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยไปอีกสามปี ที่จริงแล้วในกลุ่มผู้วางนโยบายมี 2 จาก 9 คนที่ต้องการให้เฟดใช้คำและอธิบายอย่างตรงไปตรงมากว่านี้สักนิดเกี่ยวกับการทำอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ
รายงานการประชุมของ FOMC ครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นการตอกย้ำสิ่งที่เฟดพูดไปแล้วอีกครั้งซึ่งอาจส่งผลให้อ่อนค่ามากกว่าที่จะแข็งค่า ที่สำคัญปัจจัยที่จะส่งผลต่อการแข็งค่าของดอลลาร์อีกอย่างคืออาการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หลังจากติดโควิด-19 ข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองและแถลงการณ์จากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากโรงพยาบาลวอลเตอร์ รีดแล้วซึ่งถือเป็นข่าวดี ทำให้ตลาดลงทุนเบาใจขึ้นว่าอาการของทรัมป์จะไปไม่ถึงขั้นโคม่าแน่นอน นอกจากนี้ทรัมป์จะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองให้เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง เมื่อไหร่ก็ตามที่ดูเหมือนว่าจะมีการส่งสัญญาณออกมาจากทำเนียบขาวว่าใกล้จะได้ข้อยุติเป็นกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่จริงๆ แล้วเชื่อว่าตลาดฟอเร็กซ์และตลาดหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นเพราะตอนนี้ตลาดได้ฝากความหวังไว้กับข่าวนี้ไปแล้วเรียบร้อย
สกุลเงินปรับตัวขึ้นหลุดกรอบการวิ่งของสัปดาห์ที่แล้วได้เนื่องจากตัวเลขดัชนี PMI ของยูโรโซนออกมาดีขึ้น ภาคบริการแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ซึ่งส่งผลให้ดัชนี PMI ในภาพรวมของยูโรโซนเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 50.4 อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ยังคงน้อยกว่าการรายงานตัวเลขครั้งก่อนและตอนนี้ยุโรปก็ได้เริ่มล็อกดาวน์เมืองครั้งใหม่กันไปแล้ว หมายความว่าความแข็งแกร่งของสกุลเงินยูโรตอนนี้จะไม่ใช่ขาขึ้นระยะยาว แม้สัปดาห์นี้เยอรมันจะมีรายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดคำสั่งซื้อจากโรงงานและรายงานข้อมูลบัญชีการค้าแต่สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมากกว่าคือแถลงการณ์จากประธาน ECB นางคริสตีน ลาการ์ด สกุลเงินก็ได้ประโยชน์จากตัวเลข PMI ที่ดีขึ้นแต่ถึงอย่างไรสำหรับสหราชอาณาจักรตอนนี้คนก็ให้ความสนใจเรื่อง Brexit มากกว่าเพราะข้อเรียกร้องล่าสุดจากเยอรมันเป็นอะไรที่ไม่น่าจะสามารถตกลงกันได้โดยง่ายอยู่แล้ว
วันนี้ออสเตรเลียมีการประกาศนโยบายการเงินจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิมที่ 0.25% และแบงก์ชาติก็ออสเตรเลียยังบอกอีกด้วยว่ามีความเป็นไปได้ที่ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนหน้าแต่ไม่ถึงกับต้องลงไปจนติดลบ ไม่แปลกใจ RBA พูดถึงความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยลงเพราะรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดของออสเตรเลียในหลายภาคส่วนชะลอตัว ยอดขายปลีกลดลง ภาคการผลิต ภาคบริการและการก่อสร้างชะลอตัว ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เมืองวิคตอเรียมานานกว่าสองเดือน แม้ตอนนี้จะยกเลิกไปแล้วแต่กว่าจะได้เห็นตัวเลขที่ดีขึ้นก็ต้องรอไปจนถึงการประชุมในเดือนหน้า นอกจากนี้ยังมีการประกาศตัวเลขงบประมาณของรัฐบาลด้วย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการประชุมครั้งนี้จึงสำคัญต่อ ครั้งสุดท้ายที่ RBA มีการประชุมทางธนาคารยังประเมินว่าแม้จะมีฟื้นตัวไม่เท่ากันในทุกๆ พื้นที่แต่โดยส่วนใหญ่ก็ถือว่าฟื้นตัว ดังนั้นคงไม่มีการเปลี่ยนนโยบายการเงินอะไรมากนัก
เมื่อวานนี้สกุลเงินและดอลลาร์แคนาดาก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน นิวซีแลนด์ไม่มีข่าวทางเศรษฐกิจสำคัญแต่การที่ราคาเพิ่มขึ้นสูงเมื่อวานนี้มีส่วนช่วยหนุนดอลลาร์แคนาดาเป็นอย่างมาก ที่สำคัญสัปดาห์นี้ยังเป็นสัปดาห์ที่กราฟ มีข่าวประกาศเช่น รายงานตัวเลขดุลการค้า ดัชนี PMI จาก IVEY และรายงานตัวเลขการจ้างงานและว่างงานของแคนาดา