ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดฟอเร็กซ์พยายามที่จะกลับมาเป็นขาขึ้นให้ได้เมื่อวานนี้หลังจากที่ถูกเทขายมาตลอดทั้งสัปดาห์ ในขณะที่ตลาดสกุลเงินพยายามฟื้นตัวอยู่นั้นดัชนีดาวโจนส์ที่ตลอดทั้งคืนสามารถวิ่งขึ้นเป็นบวกได้เกือบ 300 จุดกลับไม่รักษาขาขึ้นครั้งนี้ของตัวเองเอาไว้ได้ นักลงทุนเริ่มทำใจแล้วว่าข่าวดีที่พวกเขาเฝ้ารออยู่คงไม่มาแล้วแน่ อย่างไรก็ตามข้อมูลตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยล่าสุดทำให้พวกเขารู้สึกว่าความสิ้นหวังได้รับการชดเชยอยู่บ้าง นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ตัวเลขที่อยู่อาศัยเอาไว้ว่าจะออกมาลดลงแต่ตัวเลขที่ได้มากลับชี้ให้เห็นว่ามีบ้านใหม่มากกว่า 1 ล้านหลังถูกขายภายในเดือนสิงหาคม ถือเป็นตัวเลขที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006 อัตราดอกเบี้ยที่ถูกปรับลงมาจนอยู่ในระดับต่ำกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนจากเข้าเมืองไปทำงานมาเป็นทำงานอยู่บ้านส่งผลให้ความต้องการเป็นเจ้าของบ้านเพิ่มสูงขึ้น แม้จะมีหลายคนตั้งคำถามว่าความต้องการนี้จะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน คำตอบก็คือก็น่าจะอยู่ไปจนกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกปีหรือสองปีข้างหน้า
นอกจากนี้นักลงทุนยังรู้สึกเบาใจขึ้นเมื่อได้ฟังแถลงการณ์ของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังนายสตีฟ มนูชินที่เขาบอกว่าจะกลับไปพูดกับนางแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจอีกครั้งซึ่งพรรคเดโมแครตเสนอให้เงินเยียวยาในกฎหมายใหม่นี้ใช้เงินทั้งสิ้น $2,400,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงการให้สินเชื่อเพื่อคุ้มครองธุรกิจ (PPP) การแสดงความเห็นจากประธานธนาคารกลางแห่งเซนต์หลุยส์นายเจมส์ บลูลาร์ดก็ทำให้นักลงทุนรู้สึกมั่นใจขึ้น เขาเชื่อว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบเต็มรูปแบบสามารถเกิดได้ก่อนสิ้นปี 2020 แต่สิ่งที่เค้าพูดก็ไม่ใช่สิ่งที่นักลงทุนทุกคนเห็นตรงกันเพราะถ้าทุกอย่างกำลังดีขึ้นจริงแล้วทำไมตลาดหุ้นกลับไม่วิ่งขึ้น ส่วนประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์ยังคงย้ำเรื่องรัฐบาลต้องหาเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก จากสาเหตุเหล่านี้ทำให้ดอลลาร์ยังสามารถรักษาขาขึ้นเอาไว้ได้เมื่อเทียบกับเยนและยังคงปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ห้าติดต่อกันเมื่อเทียบกับสวิตฟรังก์ แม้วันนี้จะมีรายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนแต่เราคาดว่าตัวเลขดังกล่าวคงไม่ส่งผลอะไรกับดอลลาร์นัก นักลงทุนควรอ้างอิงทิศทางการวิ่งของดอลลาร์กัลตลาดหุ้นและกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลฯ มากกว่า
กราฟที่สามารถวิ่งขึ้นได้อย่างโดดเด่นเมื่อคืนนี้คือ USD/CAD ที่สามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1.34 ก่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดแม้ว่าจะมีราคาปิดกลับลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.33 ก็ตาม นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดแถลงว่าประเทศกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบที่สองหลังจากที่พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1,248 คนในวันอังคารที่ผ่านมา ถ้า 1,248 คนของแคนาดาเรียกว่าการแพร่ระบาดรอบที่สองแล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 16,096 รายที่พึ่งพบในฝรั่งเศสเมื่อวานนี้ควรเรียกว่าอะไรดี? นอกจากนี้นายจัสตินได้ประกาศว่าจะรีบร่างแผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่โดยเร็วเพื่อให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินไปได้เร็วขึ้น สกุลเงินปอนด์เป็นสกุลเงินที่สองที่ทำผลงานได้ดีเพราะได้รับข่าวดีใหม่จากรัฐบาลเกี่ยวกับการช่วยเหลือหางานใหม่ให้กับผู้ที่ตกงาน ความพยายามเหล่านี้คือสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำเพื่อลดความเสี่ยงหากประเทศต้องเข้าสู่การแพร่ระบาดรอบที่สองซึ่งความกังวลนี้อาจทำให้ผู้ว่าการแบงก์ชาตินายแอนดรูว์ ไบลีย์ออกมาพูดเรื่องความเป็นไปได้ของอัตราดอกเบี้ยติดลบอีกครั้ง
ตัวเลขความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ออกมาดีเกินคาดของฝั่งยูโรช่วยให้นักลงทุนเลิกสนใจยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในฝรั่งเศสได้ชั่วขณะ ถึงจุดนี้แล้วคงไม่มีใครมาตั้งคำถามเกี่ยวกับยุโรปแล้วว่าจะมีมาตรการคุมเข้มทางสังคมใดออกมาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ แม้ว่ากราฟ EUR/USD จะหยุดการวิ่งลงต่ออยู่แต่โอกาสที่จะวิ่งกลับขึ้นไปหาแนวต้านแรกยังคงมีน้อย สกุลเงินที่ยังอ่อนมูลค่ามากที่สุดยังคงตกเป็นของดอลลาร์ออสเตรเลียที่ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ห้าติดต่อกันจนลงไปยังจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม การล็อกดาวน์กรุงเมลเบิร์นที่ใช้เวลามา 2 เดือนครึ่งคือปัจจัยหลักที่ทำร้ายเศรษฐกิจออสเตรเลีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรองผู้ว่าการแบงก์ชาติออสเตรเลียนายกาย ดีเบลได้ออกมาพูดเกี่ยวกับตัวเลือกของแบงก์ชาติที่รวมไปถึงเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมและขอบเขตของการทำ QE ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เมื่อมองไปที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างนิวซีแลนด์สถานการณ์กลับต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แม้ว่าตัวเลขการค้าจะขาดดุลครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006