ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 40 เหรียญเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน !!!
และอาจต้องใช้เวลาอีกนาน… กว่าราคาน้ำมันจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งหรือ ???
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาที่ตลาดเปิด #ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นเท่านั้นที่น่าสนใจ แต่ตลาดน้ำมันก็กลับเริ่มน่าสนใจขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ซื้อขายอยู่ในกรอบแคบๆที่ 43 - 46 เหรียญต่อบาร์เรลมาตลอด 2 เดือน ในที่สุดราคาน้ำมันก็โดนเทขายจนหลุดกรอบล่างออกมาแล้วไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว และในคืนนี้ก็ได้หลุดระดับ 40 เหรียญไปแล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน !
ตอนนี้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ กำลังซื้อขายอยู่ที่ 39.5 เหรียญลงมา -15% ภายในอาทิตย์เดียว !
เราเริ่มพอรู้สึกได้สักพักแล้วว่าราคาขาขึ้นเริ่มแผ่วลง
หากเราดูเผินๆ ในช่วงต้นๆที่ราคาขยับอยู่ในกรอบแคบๆนั้น เราจะเห็นได้ว่า #ราคามีแนวโน้มที่จะทะลุกรอบบนออกไปมากกว่า เพราะว่ากลุ่มโอเปกและพันธมิตรมีความพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาระดับราคาไว้ เป็นความพยายามที่จริงจังที่สุดนับตั้งแต่กลุ่มโอเปกฟอร์มตัวขึ้นมาเมื่อ 60 ปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นการลดกำลังการผลิตมากกว่าปริมาณที่สัญญาไว้ของพี่ใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบีย การบังคับให้ประเทศที่ลดกำลังการผลิตไม่ได้ตามสัญญาต้องลดการผลิตชดเชย รวมไปถึงการให้ความร่วมมือ 100% จากพันธมิตรหลักอย่างรัสเซียในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (เมื่อคืนทาง รมต.พลังงานรัสเซียเพิ่งประกาศออกมาย้ำว่ารัสเซียร่วมมืออย่าง 100% แน่ๆ)
ประกอบกับช่วงในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ (USD Index) ได้อ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี ดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดดีดตัวขึ้นไปทำระดับสูงสุดใหม่อีกครั้งนับตั้งแต่เกิดไวรัสโควิดระบาด เหลือเพียงแค่ราคาน้ำมันดิบอย่างเดียวที่ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 46 เหรียญไปได้
เทรดเดอร์ทุกคนจึงตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ ราคาจะทะลุเหนือกรอบออกไปได้และกลับไปอยู่บนเทรนด์ขาขึ้นอีกครั้ง...
#แต่... หลังจากราคาเริ่มติดกรอบมานานกว่า 2 เดือน เราก็เริ่มรู้สึกแล้วว่า #สงสัยราคาจะไม่มีแรงที่จะไปได้ต่อ
โดยเฉพาะในช่วงที่เกิด Hurricane พัดเข้าอ่าว Mexico จนทำให้การผลิตน้ำมันต้องหายไปกว่า 2% ของการผลิตทั่วโลก แต่ราคาก็ยังไม่สามารถขยับขึ้นเหนือกรอบบนไปได้ น่าจะเป็นสัญญาณที่คอนเฟิร์มแล้วว่าปัจจัยพื้นฐานในตลาดนั้นกำลังอ่อนแอลง และแรงเทขายหนักกำลังใกล้เข้ามาหากราคาสามารถหลุดกรอบล่างลงมาได้
ลองมาดูกันว่าในช่วงนี้มีปัจจัยอะไรกดดันตลาดบ้าง ?
1. #แรงขายทางเทคนิค
ขอเริ่มด้วยแรงขายทางเทคนิคก่อนเลย เพราะไม่ว่าจะไม่มีข่าวอะไรก็ตาม หากมีสินทรัพย์ใดที่ขยับตัวในกรอบแคบๆขนาดนี้มาเป็นเวลา 2 เดือนเต็มๆ การที่ราคาหลุดกรอบออกมาได้ทางใดทางหนึ่งย่อมจะทำให้มีแรงซื้อขายที่สวนทางกันจากกลุ่มนักลงทุนที่เฝ้ารอจังหวะในการเข้าตลาดอยู่ หรือการ cut loss จากเหล่าเทรดเดอร์ที่พยายามเทรดในกรอบระยะสั้น
2. Saudi Aramco #ปรับลดราคาประกาศ OSP ลงเป็นลบอีกครั้ง
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียปรับลดราคา Official Selling Price (OSP) ของน้ำมันดิบในประเทศลงเกรดละประมาณ -1.5 เหรียญต่อบาร์เรล ทำให้ราคา OSP นั้นลงมาอยู่ต่ำกว่าราคาพื้นฐานของภูมิภาค (Regional Benchmark) อย่างราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบ Oman/Dubai แล้วอีกครั้ง
การที่ซาอุปรับลดราคาขายลงมาอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตในภูมิภาคเอเชียกำลังพยายามลดราคาน้ำมันดิบของตัวเองเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดกันอีกครั้ง ท่ามกลางตลาดที่มีอุปทานมากกว่าอุปสงค์ถึงแม้ว่าทางโอเปกจะลดกำลังการผลิตไปมากแล้วก็ตาม
3. #น้ำมันมีอยู่ล้นตลาดและราคาซื้อขายล่วงหน้าอยู่ในรูปแบบ Contango
สัญญาณที่แสดงอย่างชัดเจนว่าโลกเรานั้นมีอุปทานน้ำมันมากกว่าอุปสงค์อยู่ ก็คือราคาซื้อขายล่วงหน้าที่อยู่ในรูปแบบ Contango อย่างชัดเจนในหลายๆเกรดน้ำมัน หรือราคาซื้อขายในวันนี้อยู่ต่ำกว่าในอนาคตเพราะมีของล้นตลาด
โดยหลังจากในช่วงแรกที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ทะลุขึ้นไปเหนือ 40 เหรียญนั้น ความชันของราคาซื้อขายล่วงหน้าได้ปรับตัวไปเป็น Backwardation ในช่วงสั้นๆ แต่ตลาดก็ไม่สามารถคงอยู่ในรูปแบบนั้นได้และทยอยปรับตัวลดลงมาเรื่องๆ แสดงให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานของตลาดที่ทยอยอ่อนตัวลงอย่างชัดเจน
4. #ค่าการกลั่นในทุกภูมิภาคทั่วโลกนั้นอ่อนตัวมาก
ไม่ใช่แค่ค่าการกลั่นในภูมิภาคเอเชียเราที่กำลังอ่อนตัวมากๆ แต่ค่าการกลั่นทั่วโลกก็เช่นเดียวกัน ทำให้หลายๆโรงกลั่นที่ไม่สามารถทำกำไรจากการกลั่นและแปรรูปน้ำมันได้จึงต้องทยอยลดกำลังการกลั่นกันลงไป (โดยเฉพาะโรงกลั่นที่พึ่งพาการส่งออก)
และการลดกำลังการกลั่นก็หมายความว่ามีความต้องการซื้อน้ำมันดิบที่น้อยลง ยกตัวอย่างโรงกลั่นในสหรัฐที่มีข้อมูลรายงานที่ชัดเจนนั้นก็แสดงให้เห็นว่าทุกวันนี้กลั่นอยู่ที่เพียง 80% ของกำลังการกลั่น เทียบกับระดับเฉลี่ยที่ 95% ในปีที่ผ่านๆมา ก็แสดงให้เห็นว่าความต้องการน้ำมันดิบในสหรัฐนั้นลดน้อยลงไปถึง 15% และน่าจะปรับตัวลดลงไปเรื่อยๆหลังฤดูการขับรถ Driving Season ที่เพิ่งจบไปหลังวันหยุด Labor Day ที่ผ่านมานี้
5. #สต็อกน้ำมันสำเร็จรูปที่สูงมากๆทั่วโลก
ด้วยการคำนวนของโอเปกนั้น หากว่าพวกเขาลดกำลังการผลิตได้ตามเป้า สต็อกน้ำมันทั่วโลกควรทยอยกันปรับตัวลดลงมาแล้ว และราคาน้ำมันก็ควรจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆดังแผน
อย่างไรก็ตามด้วยความต้องการใช้น้ำมันที่น้อยลงกว่าคาดทั่วโลก เพราะการฟื้นฟูหลังวิกฤตโควิดกำลังเป็นไปได้ช้ากว่าคาด ทำให้สต็อกน้ำมันสำเร็จรูปทั่วโลกยังคงสูงอยู่ (รูปแนบในคอมเม้นท์) ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยที่เข้ากดดันค่าการกลั่นและทำให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลงเช่นกัน
6. #ความต้องการน้ำมันดิบจากจีนและอินเดียลดน้อยลง
นอกจากความต้องการใช้น้ำมันหลักๆอย่างน้ำมันเครื่องบินจะยังไม่กลับมาเป็นปกตินั้น (และคงยังอีกนาน) ต้องบอกว่าทางจีนและอินเดียซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันหลักๆของเอเชียเลย ก็มีปัญหาเรื่องความต้องการใช้
โดยทางด้านอินเดียนั้นชัดเจนว่าการระบาดของไวรัสโควิดที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทางอินเดียได้แซงบราซิลกลายเป็นประเทศที่มีการระบาดสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 แล้ว และคงแซงทางสหรัฐขึ้นอันดับที่ 1 ในเร็วๆวันนี้ การ Lock Down อย่างเข้มงวดก็ทำให้การใช้ในประเทศหดหายไปอย่างมาก
ส่วนทางจีนนั้นถึงแม้ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปยังคงสูงอยู่ แต่การนำเข้าน้ำมันดิบได้ลดลงมาต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใดก็ตาม (หลายฝ่ายขาดว่าจีนอาจจะนำเข้าน้ำมันดิบมาเยอะเกินในช่วงที่ราคาน้ำมันต่ำๆ ช่วงนี้จึงใช้สต็อกไปก่อน) ก็ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบของโลกลดลงอย่างชัดเจน
ท่ามกลางปัจจัยที่ลบมากมาย #ราคาน้ำมันยังมีความหวังหรือไม่ ?
ต้องบอกว่าถึงแม้ตลาดจะมีปัจจัยลบอยู่มากมาย และ Bank of America ก็เพิ่งออกมาประกาศเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทคาดการณ์ว่าการใช้น้ำมันของโลกจะไม่กลับมาเป็นปกติจากผลกระทบของไวรัสโควิดไปอีกอย่างน้อย 3 ปี !
#แต่ราคาน้ำมันก็ยังพอมีความหวังอยู่ (แม้จะน้อย)
เพราะทุกวันนี้ทางกลุ่มโอเปกก็ยังคงจับมือกันเหนียวแน่น ต้องติดตามดูต่อไปว่าทางกลุ่มมีแผนรับมือกับการที่การใช้น้ำมันไม่ได้ฟื้นกลับมาตามที่คาดอย่างไรบ้าง ?
ประกอบกับทาง Goldman Sach ยังได้ออกรายงานมาย้ำว่า #ราคาน้ำมันยังจะเป็นทิศทางขาขึ้นอยู่ ! โดยได้ออกรายงานมาเมื่อเช้าวันนี้หลังจากราคาน้ำมันเริ่มโดนเทขายแล้ว
ไว้เราจะลองมาเจาะลึกการวิเคราะห์ตลาดน้ำมันของ Goldman Sach ผู้มีมุมมองค่อนข้างแม่นกันต่อไปเมื่อมีโอกาสนะครับ
#ทันโลกกับTraderKP
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP