การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่แจ็กสัน โฮลครั้งนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่สื่อหลายสำนักวิเคราะห์เอาไว้จริงๆ จากแถลงการณ์ของประธานเฟดเมื่อคืนนี้เราจะได้เห็นกลยุทธ์ทางการเงินใหม่ที่เฟดจะใช้กับอัตราเงินเฟ้อ จากเดิมที่ธนาคารกลางมักจะคอยคุมอัตราเงินเฟ้อเอาไว้ไม่ให้ขึ้นเกินกว่าเป้าหมายมาตรฐานที่ 2% ตอนนี้เฟดตัดสินใจจะปล่อยให้ตัวเลขดังกล่าวสามารถขึ้นสูงกว่ามาตรฐานได้บ้างเป็นครั้งคราว ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้เห็นธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจอะไรแบบนี้แม้กระทั่งช่วงก่อนโควิดก็ตาม แถลงการณ์ครั้งจึงเป็นการเปิดเข้าสู่บทต่อไปของหนังสือการเงินโลก
1. แถลงการณ์ของเฟดเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์การเงินคาด
แม้ว่าก่อนที่การประชุม ณ แจ็กสัน โฮล จะเริ่มขึ้นดอลลาร์ได้อ่อนมูลค่าลงไปก่อนแต่หลังจากจบการแถลง ดอลลาร์ก็สามารถวิ่งกลับขึ้นมาได้ทันที ความเป็นไปได้เดียวที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะตลาดคาดการณ์ไว้แล้วว่าประธานเฟดจะต้องพูดในลักษณะเช่นนี้ แม้แต่บทความที่เราวิเคราะห์เมื่อวานก็ได้บอกไปแล้วว่าเฟดจะต้องพูดถึงเป้าหมายเฉลี่ยของอัตราเงินเฟ้อและเมื่อเฟดพูดออกมาเช่นนั้นนักลงทุนที่รออยู่แล้วก็สามารถทำกำไรจากการถือดอลลาร์ได้แบบไม่ผิดโผ
2. ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเพราะนักลงทุนหันกลับมาสนใจตลาดหุ้นสหรัฐฯ
การตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาที่เฟดให้ไว้ว่าจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกนานทำให้สภาพคล่องในตลาดลงทุนสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นการดึงดูดนักลงทุนให้อยากเข้ามาซื้อหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกด้วย มีใครบ้างไม่อยากเข้ามาลงทุนในตลาดที่สร้างจุดสูงสุดใหม่อยู่แทบทุกวัน ยิ่งการปล่อยอัตราเงินเฟ้อให้สูงกว่าที่เคยเป็นจะยิ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร้อนแรงมากกว่าเดิม สังเกตได้จากมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐที่มีความสัมพันธ์กับกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลซึ่งตอนนี้กราฟผลตอบแทนฯ อายุ 10 ปีได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 8%
3. แถลงการณ์ของเฟดดูเหมือนจะใบ้ว่ามีสัญญาณข่าวดี
เรายอมรับว่าเมื่อวานนี้คิดว่าจะได้ฟังแถลงการณ์ที่ดูมีความกังวลต่อเศรษฐกิจมากกว่านี้แต่เฟดก็สร้างความประหลาดใจให้เราจนได้ นายเจอโรม พาวเวลล์อธิบายว่าเศรษฐกิจในรัฐที่ไม่มีข่าวผู้ติดเชื้อโควิดฟื้นตัวได้อย่างน่าประทับใจ รายงานตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 2 แบบปรับปรุงตัวเลขแล้วก็ออกมามีตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ยอดขายที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างจำนองสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ในขณะที่ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเริ่มลดลง คาดว่าตัวเลขค่าใช้จ่ายและการบริโภคส่วนบุคคลที่จะออกในวันนี้จะเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นตามลำดับ