ครม. ใหม่ทำงานได้เร็วตามคาด สร้างความหวังฟื้นเศรษฐกิจ
ครม.ใหม่ 7 ท่านได้รับการโปรดเกล้าฯเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเริ่มทำงานต่อไป เรามีมุมมองเป็นกลางเชิงบวกต่อปัจจัยการเมืองในประเทศ เพราะการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญเกิดขึ้นภายใน ส.ค. 63 ซึ่งทำให้อย่างน้อยไม่เกิดสุญญากาศทางการเมืองในช่วงรอยต่อของมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่กำลังสิ้นสุดลงและการพิจารณามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้กรอบงบประมาณ 4.5 แสนลบ.
อย่างไรก็ตาม ยังต้องให้เวลาของ ครม. ใหม่ทำงาน และยังต้องติดตาม 7ประเด็นสำคัญ คือ (1) การจัดตั้งทีมฟื้นฟูเศรษฐกิจคล้าย ศคบ. เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการบริโภค (2) ความต่อเนื่องในนโยบายเศรษฐกิจเดิม เช่น EEC (3) การออกมาตรการช่วยเหลือ SMEs และแรงงานเพิ่มเติม (4) การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ เช่น ปรับลดภาษี (5) แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (6) การเลือกตั้งท้องถิ่น (7) การชุมนุมของกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย
ซึ่งเราคาดว่านโยบายการคลังหลังจากนี้จำเป็นต้องเข้มข้นมากขึ้น เพราะนโยบายการเงินมีการผ่อนคลายจนเกือบสุดทางแล้ว กลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีกรับเหมาฯ
รายชื่อ ครม. ใหม่ 7 ท่านเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
วานนี้ ครม. ใหม่ทั้ง 7 ท่านได้รับโปรดเกล้าฯเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตำแหน่งที่มีการปรับเปลี่ยน ถือว่าเป็นไปตามที่เราและตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ได้แก่
- นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรองนายกรัฐมนตรีเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่ง จากเดิมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
- นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
- นายอนุชา นาคาศัย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- นายปรีดี ดาวฉาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
- นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
ให้เวลา ครม. ใหม่พิสูจน์ฝีมือด้านเศรษฐกิจ มี 7ปัจจัยต้องติดตาม
เรายังคงมุมมองเป็นกลางเชิงบวกต่อปัจจัยการเมืองในประเทศ เพราะการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญเกิดขึ้นภายใน ส.ค. 63 ที่เป็นกรณีดีที่สุดในกรณีศึกษาของเรา (ถ้าไม่มีปัจจัยอื่นมารบกวน ความชัดเจนทางการเมืองในระยะสั้น มีโอกาสหนุน SETINDEX ขึ้นทดสอบ 1,400 จุดอีกครั้ง) โดยอย่างน้อยไม่ทำให้ไม่เกิดสุญญากาศทางการเมือง ในช่วงรอยต่อของมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่กำลังสิ้นสุดลง และการพิจารณามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายใต้กรอบงบประมาณ 4.5 แสนลบ.
อย่างไรก็ตาม ยังต้องให้เวลาของ ครม. ใหม่ทำงาน โดยเราแนะนำให้ติดตาม 7 ประเด็นสำคัญ คือ (1) การจัดตั้งทีมฟื้นฟูเศรษฐกิจคล้าย ศบค. เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการบริโภค (2) ความต่อเนื่องในนโยบายเศรษฐกิจเดิม เช่น EEC (3) การออกมาตรการช่วยเหลือ SMEs และแรงงานเพิ่มเติม (4) การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ เช่น ปรับลดภาษี (5) แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (6) การเลือกตั้งท้องถิ่น(7) การชุมนุมของกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย
นโยบายการคลังจำเป็นต้องเร่งกระตุ้น เพราะนโยบายการเงินใกล้สุดทาง
ในมุมมองของนโยบายการเงินถือว่ารักษาสภาพคล่องให้กับตลาดการเงิน และเสริมเสถียรภาพของสถาบันการเงิน รวมถึงช่วยเหลือผู้ทีได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างเต็มที่แล้ว การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากนี้จะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับนโยบายการคลัง ซึ่งเราคาดหวังว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ จะเน้นกระตุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และกลุ่มที่มีการจ้างงานสูงเป็นลำดับแรก เช่น ท่องเที่ยว ค้าปลีก รับเหมาฯ และสินค้าคงทน (บ้าน, รถ) ขณะที่ Upside ของ SET INDEX จะเปิดกว้างเพียงใด ขึ้นอยู่กับมาตรการทางภาษี ถ้ามีการลดในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง จะช่วยยกระดับ EPS ของตลาดฯได้
ซึ่งหากมีมาตรการกระตุ้นแบบเข้มข้น, COVID-19 ไม่กลับมาระบาดเหมือนรอบแรก,และการชุมนุมไม่รุนแรง เศรษฐกิจโดยภาพรวมน่าจะค่อยๆฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 2Q63 หุ้นที่Underperform
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities