Disney (NYSE:DIS) ประกาศผลดำเนินงานไตรมาสที่สามออกมาเมื่อเช้านี้ ผมสรุปได้ดังนี้
1. รายได้ $11,779 ล้าน ลดลง 42% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว (YoY) ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ $12,370 ล้าน โดนกระทบหนักจากการปิด Disneyland และโรงหนังทั่วโลก
2. รายได้ของ Disneyland ลดลง 85% ทำได้ $983 ล้านจากปีก่อน $6,575 ล้าน
ส่วนของ Studio Entertainment ที่ผลิตหนังก็ลดลงไป 55% เหลือ $1,740 ล้าน
3. ขาดทุนสุทธิ $4,718 ล้านจากปีที่แล้วกำไร $1,430 หลักๆมาจากค่าใช้จ่ายในการรวม Twenty-First Century Fox ซึ่งมีทั้งค่าใช้จ่ายค่ายกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด และค่าใช้จ่ายในการควบรวม
4. ถ้าไม่คิดค่าใช้จ่ายพิเศษในการควบรวมแล้ว บริษัทจะมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 8 เซ็นต์ ลดลง 94% จากปีที่แล้วที่ทำได้ $1.34 ต่อหุ้น
5. จำนวนยอดสมาชิกรวมกันของทั้ง Disney+, ESPN+ และ Hulu ถึง 100 ล้านคนเป็นครั้งแรก แต่ยังตามหลัง Netflix (NASDAQ:NFLX) ที่มียอดสมาชิกอยู่ที่ 193 ล้านคน ที่น่าสนใจคือจำนวนสมาชิกของ Disney+ ทะลุ 60.5 ล้านคนแล้ว เร็วกว่าที่วางแผนไว้ถึง 4 ปี
6. บริษัทจะเอาหนัง Mulan ที่รอกันมานานเข้ามาใน Disney+ ในวันที่ 4 กันยายน 2020 แต่ให้เช่าเพิ่มราคา $29.99 รวมทั้งปีหน้าจะเอาเนื้อหาจาก ABC Studios, Fox Television และ 20th Century Studios เข้ามารวมกับ Disney+ ด้วย
หุ้นบวกไป 9.7% ณ ตอนนี้เพราะนักลงทุนมองถึงโอกาสการเติบโตของบริการ Streaming ที่โตเร็วมาก ถ้าเพิ่มเนื้อหาของ Star Brand เข้าไปอีกยิ่งน่าจะแข่งกับ Netflix ได้น่าสนใจ
นักลงทุนรู้อยู่แล้วว่ารายได้ลดลงเยอะ แต่ไม่รู้ว่าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มเร็วขนาดนี้ หุ้นเลยขึ้นเยอะครับ #หุ้นอเมริกา
บทวิเคราะห์จาก เพจ Billionaire VI