คาด GDP ปี 2563 หดตัว 6.5% YoY เราปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ของไทยสำหรับปี 2563 เป็น -6.5% YoY (หดตัวมากสุดนับตั้งแต่ ปี 2541 ช่วงวิกฤติการเงินต้มยำกุ้ง ซึ่ง GDP หดตัวราว -7.6% YoY) เพื่อสะท้อนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ด้วยการปรับลดสมมติฐานเกือบทุกกิจกรรม ยกเว้นการใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาครัฐ
โดยกิจกรรมหลักที่ถูกปรับมากสุด คือ การส่งออกทั้งสินค้าและบริการ โดยการส่งออกสินค้าใน 2Q63 มีแนวโน้มแย่กว่าคาดการณ์เดิมมากและการส่งออกบริการหรือการท่องเที่ยว มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยประเมินเนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางยังคงมีผลอยู่และ สถานการณ์โรค COVID-19 ในหลายประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าไตรมาส 2/2563 จะเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทย เพราะมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด มีความเข้มข้นมากสุดและใช้ระยะเวลามากสุด
ในขณะที่ การควบคุมการแพร่ระบาดในไทย ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้ภาครัฐเริ่มทยอยคลายมาตรการ Lockdown ตั้งแต่ช่วงกลาง 2Q63 ด้วยการทยอยเปิดกิจการ-กิจกรรมทางเศรษฐกิจตามระดับความเสี่ยงจากน้อยไปมาก ความเสี่ยงทางลง (Downside Risk) คือการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รอบสองหรือ Second Wave ในกรณีเลวร้าย (Worst Case) หากจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศ (Local Transmission) เร่งตัวขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ อาจทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องใช้มาตรการ Lockdown อีกรอบ (อาจเป็น การทยอยปิดกิจกรรม-กิจการที่มีความเสี่ยงสูง หรือ Lockdown เต็มรูปแบบ) อาจกดดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้หดตัวในระดับสองหลัก (Double Digits)
ส่วนกรณีดีสุด (Best Case) จะเกิดขึ้นได้อยู่ที่ภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก เพราะเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงสุด อย่างไรก็ดีการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวมีความซับซ้อนเพราะการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว จำเป็นต้องรอให้สถานการณ์ดีขึ้นพร้อมกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นที่จะเดินทางข้ามประเทศและแต่ละประเทศยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ หรือในอีกกรณี คือการค้นพบวัคซีน/ ยารักษา หากได้รับอนุญาตให้นำมาใช้เร็วกว่าคาด (คาดการณ์ของเราคือปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า) จะช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค, ผู้ประกอบการ รวมถึงนักท่องเที่ยว เป็นบวกอย่างมากต่อทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งการบริโภค, การลงทุน, การส่งออก และท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
กลยุทธ์การลงทุน ด้วยความคาดหวังว่า สภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน จะผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q63 หนุน SET INDEX ฟื้นตัวแรงถึง 40% นับจากจุดต่ำสุดช่วงกลางเดือน มี.ค.2563 ส่งผลให้ Upside จำกัด ถึงแม้ว่า จะคำนวณจากฐานกำไรปีหน้าก็ตาม ดังนั้น SET INDEX มีแนวโน้มแกว่งตัว ในกรอบกว้างใน 3Q63 กรอบล่าง 1,250-1,300 จุด กรอบบน 1,450 จุด กลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง คือการเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q63 ในหุ้นที่คาดว่า จะรายงานกำไรเติบโต หรือหากชะลอตัว จะลดลงน้อยกว่ากลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ CPF, PRM, AP, JKN, DOHOME, TACC
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities