ในที่สุดการประชุมมาราธอน 4 วันติดของผู้นำประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปก็ได้ข้อสรุปว่าจะอนุมัติการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูโควิดคิดเป็นเงินจำนวน $2,000,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ข่าวดีนี้ส่งผลให้สกุลเงินยูโรมุ่งหน้าขึ้นสู่ระดับราคา 1.15 ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 เดือนได้สำเร็จ ความตกลงครั้งประวัติศาสตร์นี้ถือว่าสร้างความพอใจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพราะรายละเอียดทั้งการกู้ยืมและการมอบเงินเยียวยานั้นอยู่ในระดับที่ถือว่าสมดุลและยอมรับได้ กลุ่มสหภาพยุโรปวางแผนจะใช้เงินก้อนนี้เพื่อฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ความสามารถในการควบคุมโควิดได้อย่างดีในช่วงกลางไตรมาสที่ 2 มาจนถึงปัจจุบันสามารถนำไปสู่การเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจได้เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ถึงจะเป็นเพียงการเริ่มต้นแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ดังนั้นกราฟ EUR/USD จึงสามารถปรับตัวสูงขึ้นไปยืนเหนือ 1.15 ได้โดยมีแนวต้านรองอยู่ที่ 1.16 และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1.17 ถ้าเทียบกับระหว่างสกุลเงินยูโรกับดอลลาร์ตอนนี้ถือว่ายูโรอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าดอลลาร์เป็นอย่างมาก
ในขณะที่ฝั่งยุโรปเริ่มเห็นแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น สหรัฐอเมริกากลับยังคงอยู่ในวังวนที่หาความแน่นอนทางเศรษฐกิจไม่ได้ในแต่ละวันที่ผ่านไป ดอลลาร์สหรัฐอ่อนมูลค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสัปดาห์นี้ดอลลาร์ไม่มีข่าวตัวเลขทางเศรษฐกิจใดสำคัญมาช่วยหนุนด้วย แม้ตลาดหุ้นจะสามารถวิ่งขึ้นต่อไปได้แต่นักลงทุนได้ลดความสนใจในการเข้าถือดอลลาร์ลงแล้วเพราะภาพรวมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่มีความชัดเจนจากปัญหาโควิด-19 นอกจากนี้ตลาดยังไม่เห็นข่าวของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ตามที่ทรัมป์เคยรับปากไว้ก่อนหน้านี้ทั้งๆ ที่วันที่ 31 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายของมาตรการเยียวยาครั้งก่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อไม่มีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนจึงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาถือสกุลเงินดอลลาร์ในตอนนี้ ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าทำเนียบขาวอยากเสนอแผนให้ลดการเก็บภาษีเงินได้ลงแต่คำถามที่ตามมาก็คือว่าวิธีนั้นจะช่วยเศรษฐกิจได้จริงๆ หรือในเมื่อบริษัทต่างๆ ไม่สามารถสร้างงานเพิ่มให้แก่พนักงานได้และการลดภาษีเงินได้ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนรู้สึกว่าต้องออกมาใช้เงินหรือจ้างงานเพิ่ม
สกุลเงินออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดออสเตรเลียดอลลาร์สามารถขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 ได้สำเร็จแม้ว่าผู้ว่าการแบงก์ชาติออสเตรเลียจะแสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและมาตรการคุ้มเข้มโควิดในรัฐวิคตอเรีย แต่ตรงนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจับตามองเท่าข่าวการยืดระยะเวลานโยบายการให้เงินสนับสนุนค่าจ้างไปอีก 6 เดือนยาวจนถึงเดือนมีนาคม นโยบายที่ว่านี้คือการให้เงินสนับสนุนทุกๆ 2 สัปดาห์เป็นเงินจำนวน 1,500 ออสเตรเลียดอลลาร์ให้กับคนทำงานมากกว่า 3.5 ล้านคน แม้ว่าการมอบเงินส่วนนี้จะเริ่มขึ้นจริงๆ ในเดือนตุลาคมและจะมีรายละเอียดขั้นตอนการจ่ายแบ่งออกมาเป็น 2 แบบตามชั่วโมงการทำงานแต่ก็ถือเป็นข่าวดีที่สกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์และแบงก์ชาติพอจะอุ่นใจไปได้บ้าง นอกจากนี้ออสเตรเลียยังมีข่าวสำคัญอยู่ในวันพรุ่งนี้อีกหนึ่งข่าวคือการอัปเดตข้อมูลทางเศรษฐกิจและปีงบประมาณจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ส่วนนิวซีแลนด์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงซึ่งสามารถดูได้จากตัวเลขยอดการใช้งานบัตรเครดิตของเดือนมิถุนายนที่เพิ่มขึ้น
ประเทศแคนาดาก็มีข่าวดีเช่นกันเมื่อตัวเลขยอดขายปลีกในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นเป็น 18.7% หลังจากที่เคยลดลงไปมากถึง 25% เมื่อเดือนเมษายน แคนาดาดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ส่วนวันนี้แคนาดามีตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคให้จับตามองในขณะที่สหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสองซึ่งเราคาดว่าตัวเลขในส่วนนี้ของสหรัฐฯ จะออกมาดีขึ้น เราหวังว่าจะได้เห็นราคาน้ำมันดิบดีดตัวกลับขึ้นมาอีก ปิดท้ายด้วยสกุลเงินปอนด์ที่เมื่อวานถือว่าทำผลงานได้ตามหลังสกุลเงินยูโร ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์เพราะตัวเลขของภาคการเงินในเดือนมิถุนายนลดลงซึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนหันไปถือยูโรมากกว่าเมื่อเทียบกับปอนด์