ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ในประเทศสหรัฐอเมริกาแต่แนวโน้มขาขึ้นที่ปรากฎทั้งในตลาดฟอเร็กซ์และตลาดหุ้นชี้ให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยลง ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมากกว่า 300 จุดในขณะที่กราฟยูโรเทียบดอลลาร์สามารถมีราคาปิดยืนเหนือ 1.13 ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ สิ่งที่น่าสนใจก็คือแม้แต่สกุลเงินเยนและสวิตฟรังก์ก็ยังสามารถแข็งค่าได้มากกว่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ซึ่งหมายความว่าไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึกโอเคและยอมรับได้กับยอดผู้ติดเชื้อโควิดในสหรัฐฯ
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ ตอนนี้อัตราผู้เสียชีวิตจากโควิดยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 5% การตรวจสอบเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นแต่การรักษา ความเข้าใจ ของบุคคลากรทางการแพทย์ที่มีต่อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นก็ช่วยยับยั้งตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตและลดตัวเลขความเสี่ยงของการเสียชีวิตในหมู่วัยรุ่นได้อย่างมีนัยสำคัญ บริษัทเวชภัณฑ์หลายๆ แห่งต่างเร่งทำงานข้ามวันข้ามคืนเพื่อที่จะสามารถผลิตวัคซีนต้านไวรัสให้ได้เร็วที่สุด ความหวังที่ว่าไวรัสโควิด-19 จะสามารถถูกควบคุมได้มีมากขึ้นและทำให้ภาครัฐสามารถจำกัดขอบเขตผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ง่ายขึ้น
ข้อมูลตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตและภาคบริการเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้นเป็นเพราะรัฐใหญ่ๆ ที่เป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญของประเทศสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เกือบจะเหมือนเดิม ข่าวดีนี้ถือเป็นข่าวดีที่สองซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ดีขึ้นจากการประกาศครั้งล่าสุด ถึงกระนั้นยังมีความไม่ชัดเจนรอนักลงทุนอยู่ซึ่งสิ่งที่ตลาดอยากเห็นมากที่สุดในตอนนี้คือตัวเลขจากภาคธุรกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคของเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงที่ไวรัสเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้งจนทำให้การจ้างงานและการลงทุนต้องชะลอตัวออกไป
แต่ข่าวดีสำหรับตลาดกระทิงก็คือสัปดาห์นี้ฝั่งสหรัฐฯ ไม่มีข่าวทางเศรษฐกิจที่สำคัญจะประกาศมากนักจึงทำให้เรามองว่าแนวโน้มขาขึ้นในตลาดหุ้นจะยังคงอยู่ได้ตราบเท่าที่อัตราผู้เสียชีวิตยังคงต่ำกว่า 5% และไม่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นข่าวที่มีประเด็นอีกครั้ง เพราะตอนนี้นักลงทุนเลือกที่จะไม่สนใจข่าวร้ายจากโควิด-19 เลยดังนั้นพวกเขาจะหันไปยึดข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจซึ่งอย่างที่บอกไปว่านักลงทุนกำลังรอดูข้อมูลส่วนนี้อยู่ในเดือนหน้าหรือไม่ก็ต้องมีข่าวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่เกิดขึ้นอีก หากเกิดขึ้นจริงกราฟ USD/JPY และ USD/CHF จะปรับตัวลดลงและนักลงทุนจะหันไปถือสกุลเงินของประเทศที่มีความสามารถควบคุมเชื้อไวรัสได้ดีกว่า
เมื่อวานนี้สกุลเงินที่สามารถทำผลงานได้ดีที่สุดต้องยกให้สกุลเงินยูโรซึ่งเป็นผลมาจากสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขยอดขายปลีกในเดือนพฤษภาคมกระโดดขึ้น 17.8% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แม้ตัวเลขยอดคำสั่งซื้อจากโรงงานของเยอรมันจะไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์แต่ก็ยังสามารถยืนอยู่ในตัวเลขสองตำแหน่งได้ เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ แล้วตอนนี้ยุโรปมีโอกาสมากกว่าที่จะสามารถใช้คำว่า “ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง”ได้ สเปนกับอิตาลีที่เคยเป็นจุดศูนย์กลางการในช่วงการแพร่ระบาดรอบแรกไม่มีข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบที่ 2 เลยนับตั้งแต่เริ่มเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา รัฐบาลของทั้งสองประเทศสามารถจัดการโควิด-19 ได้อย่างอยู่หมัด
สหราชอาณาจักรก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่สามารถควบคุมไวรัสโควิด-19 ได้ดีแต่สกุลเงินปอนด์ยังถือว่าฟื้นตัวได้ช้าเมื่อเทียบกับยูโรเพราะการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับจีนที่มีความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น ตอนนี้สหราชอาณาจักรกับจีนกำลังไม่ลงรอยกันในเรื่องของสถานการณ์ที่ฮ่องกง หลังจากที่จีนประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงใหม่ทำให้นายกรัฐมนตรีของอังกฤษนายบอริส จอห์นสันออกมาประกาศว่ายินดีจะให้สิทธิการเป็นพลเมืองของอังกฤษจำนวน 3 ล้านคนแก่ชาวฮ่องกงที่ต้องการออกจากฮ่องกง หนึ่งในเงื่อนไขที่จีนยกมาต่อรองก็คือเทคโนโลยี 5G จากหัวเว่ย นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่าสหราชอาณาจักรอาจจะได้รับผลกระทบจากภาษีทางการค้าอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าสงครามการค้าระหว่างทั้งสองประเทศคือสิ่งสุดท้ายที่ทั้งสหราชอาณาจักรและประเทศจีนจะเลือกทำ นอกจากนี้การเจรจาเรื่อง Brexit ระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปยังคงดำเนินต่อไปหลังจากที่การประชุมในครั้งก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
สกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์คือสกุลเงินที่ต้องดูสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ แม้ธนาคารกลางแห่งออสเตรเลีย (RBA) จะไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินใดๆ แต่สถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศกำลังกลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้งซึ่งเราจะต้องมาดูผลกระทบทางเศรษฐกิจอีกที จากข้อมูลในตารางด้านล่างนี้ชี้ให้เห็นว่าตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ ดีขึ้นนับตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนหน้า ตัวเลขยอดขายปลีกเพิ่มขึ้นแม้ว่าอัตราการว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยก็ตาม ตลาดการซื้อขายที่อยู่อาศัยลดลงเช่นเดียวกันกับอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภค ไม่มีใครค้านเลยว่าข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในเดือนนี้จะต้องดีกว่าของเดือนมิถุนายนแน่ๆ แต่การระบาดรอบใหม่ในเมลเบิร์นจนนำไปสู่การปิดชายแดนระหว่างรัฐวิกตอเรียและรัฐนิวเซาท์เวลส์เป็นครั้งแรกในรอบ 100 ปีซึ่งขวางกั้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของผู้คนจำนวน 6.6 ล้านคนจะต้องสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุดรัฐวิกตอเรียประกาศล็อกดาวน์เมืองเมลเบิร์นเป็นเวลา 6 สัปดาห์เรียบร้อย
ปิดท้ายด้วยข่าวสกุลเงินแคนาดาดอลลาร์สั้นๆ วันนี้จะมีรายงานดัชนี PMI จาก IVEY ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าข้อมูลตัวเลขจะออกมาดีขึ้น