ทุกคนทราบดีว่าในช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาดครั้งแรกหลายๆ เมืองหลายๆ ประเทศต่างใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อหยุดกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่จะทำให้เป็นการแพร่กระจายของโรคด้วยจนทำให้ข้อมูลทางเศรษฐกิจทั่วโลกลงไปสู่จุดต่ำสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ในเชิงเศรษฐกิจจะเสียหายแต่ก็เป็นวิธีที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ได้ผลกับการลดจำนวนผู้ติดเชื้อฯ เมื่อทุกอย่างเริ่มควบคุมได้หลายๆ ประเทศที่มั่นใจแล้วจึงเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ลงและกลับมาเปิดให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง ในขณะที่บางประเทศกลับมาเปิดเมืองเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจทันที อีกหลายๆ แห่งยังค่อยๆ ทยอยเปิดอย่างเป็นสัดเป็นส่วนเพื่อลดความเป็นไปได้ในการกลับมาแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบที่ 2 ให้ได้มากที่สุด
แต่นั่นไม่ใช่กับประเทศที่เชื่อในเสรีภาพอย่างภาคภูมิอย่างสหรัฐอเมริกา ในหลายๆ รัฐที่มีการต่อต้านการสวมหน้ากากอนามัยหรือมองว่าโควิด-19 เป็นเรื่องไร้สาระมีรายงานพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมารัฐฟอร์ริด้ามีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 8,942 ราย 3 รัฐสำคัญที่คิดเป็น 25% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ ในขณะที่ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะให้มีมาตรการปิดล็อกเมืองเพื่อคุ้มเข้มการแพร่ระบาดอีกครั้ง บางรัฐเลือกที่จะใช้มาตรการควบคุมโรคด้วยตัวของพวกเขาเอง รัฐเท็กซัสสั่งให้ผับบาร์ระงับกิจการชั่วคราวในขณะที่โรงพยาบาลใกล้จะถึงขีดจำกัดของความสามารถในการรองรับผู้ป่วยแล้ว บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ประกาศปิดร้านตัวแทนจำหน่ายหลายแห่ง ข้อมูลจาก Homebase ระบุว่าร้านแอปเปิลที่อยู่ในรัฐเท็กซัสมีนโยบายลดชั่วโมงการทำงานลง ช่วงเวลาดีๆ ของข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เริ่มจะกลับมาดีบ้างแล้วในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนอาจจะต้องกลับมาแย่ลงอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่กำลังจะมาถึงนี้
ทั้งหมดนี้หมายความว่ายอดจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ใหม่จะส่งผลกระทบกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ตัวเลขจาก ISM และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมิถุนายนที่กำลังจะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ แม้ตอนนี้รัฐที่มีความเสี่ยงอาจจะยังสามารถควบคุมอัตราการติดเชื้อได้บ้างแต่สถานการณ์ของจำนวนเตียง ICU ในรัฐอาริโซนาและเท็กซัสอาจจะเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง สถานะการเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยของสกุลเงินดอลลาร์ จะถูกสั่นคลอนลงอย่างมากเพราะความสามารถในการควบคุมโควิดที่ด้อยประสิทธิภาพของสหรัฐฯ จะทำให้นักลงทุนเสียความเชื่อมั่น
ตอนนี้นักลงทุนกำลังจับตาดูข่าวยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่มากพอๆ กับข่าวมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากภาครัฐ ยิ่งมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นมากเท่าไหร่ตลาดก็ยิ่งอยากได้ยินข่าวดีมากยิ่งขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางทำเนียบขาวก็พึ่งออกมาบอกว่าแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ต้องมาดูกันว่าตลาดจะฟังใครมากกว่ากันระหว่างคุณหมอใหญ่แอนโทนี่ เฟาซี่กับที่ปรึกษาเศรษฐกิจสหรัฐฯ นายแลร์รี่ คัดโลว์ ยิ่งนักลงทุนทิ้งตลาดสกุลเงินไปหาสินทรัพย์สำรองมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้สกุลเงินหลักๆ อ่อนมูลค่าลงมากเท่านั้น
สกุลเงินปอนด์ ออสเตรเลียและแคนาดาดอลลาร์คือ 3 สกุลเงินที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว สถานการณ์โควิด-19 ในสหราชอาณาจักรตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเริ่มคุมได้อยู่แล้วดังนั้นสิ่งที่จะพากราฟปอนด์เทียบดอลลาร์เคลื่อนที่ไปได้ในสัปดาห์นี้คือข่าวการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนที่มีกับสกุลเงินดอลลาร์และสถานการณ์ Brexit ส่วนออสเตรเลียนักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจจากจีนและที่สำคัญคือกราฟ CAD/USD ถือเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งที่อ่อนไหวกับการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุน แคนาดาดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง