ตลาดหุ้นขาขึ้นของสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัวเมื่อวานนี้หลังจากได้รับผลกระทบจากพวกหัวข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 ในประเทศและจะมีการผ่อนคลายการใช้กฎของโวคเคอร์ (Volcker Rule) ซึ่งจะเป็นการควบคุมการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อเก็งกำไรของสถาบันการเงิน นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้เข้าคุมเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์โดยกำหนดว่าห้ามจ่ายเงินปันผลเกินระดับที่เคยจ่ายไปแล้วในไตรมาสที่ 2 และงดไม่มีให้มีการซื้อหุ้นคืนเพื่อเพิ่มเงินสำรองที่จะใช้รองรับการการเจอปัญหาหนี้เสียในช่วงโควิด การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุนในตลาดสกุลเงินยิ่งสูงขึ้นไปอีกเมื่อมีรายงานการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงที่สุดในสหรัฐฯ
แม้ว่ารัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์พยายามจะทำเป็นไม่สนใจตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ตัวเลขที่ออกมาคือความจริงที่สวนทางกับสิ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์พูด 3 รัฐสำคัญของสหรัฐฯ ตอนนี้มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ซึ่งเป็นตัวเลขที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ในสัปดาห์นี้ ยิ่งนักการเมืองพยายามจะปฏิเสธความจริงนี้มากเพียงได้การควบคุมกราฟของผู้ติดเชื้อสหรัฐฯ ยิ่งดูจะผิดที่ผิดทางมากขึ้นเพราะทางทรัมป์ไม่ต้องการจะกลับไปปิดเมืองอีกต่อไปแล้ว มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอาจจะมีความเข้มข้นขึ้น ยอดการจองร้านอาหารในรัฐแคลิฟอร์เนีย เท็กซัส จอร์เจียและฟอร์ริด้าที่เพิ่มขึ้นคือสัญญาณแรกของการเปลี่ยนแปลงและอาจมีข้อกำหนดพิเศษใหม่ๆ ที่อาจจะตามมาอีกในอนาคต
สหรัฐอเมริกาไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ออสเตรเลียจากที่เคยทำผลงานการควบคุมเชื้อโควิดได้เป็นอย่างดีมาตลอดก็มีการพบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในวันเดียวตลอดระยะเวลา 2 เดือนจนรัฐบาลต้องส่งศูนย์การตรวจผู้ติดเชื้อเคลื่อนที่ออกไปยังพื้นที่เสี่ยง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อ 33 คนของออสเตรเลียกับ 37,000 คนของสหรัฐฯ นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องพิจารณาในการลงทุนให้ดีว่าจะเลือกเชื่อตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อที่ออกมาหรือจะเลือกเชื่อคำพูดของที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์นายแลร์รี่ คัดโลว์ที่ยังคงมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แม้ข้อมูลทางเศรษฐกิจในเดือนเมษายนและพฤษภาคมจะออกมาดีแต่ก็มีโอกาสแกว่งอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้นแต่ยอดตัวเลขการค้าขาดดุลและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานยังถือว่าไม่เป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตามสกุลเงินดอลลาร์ยังคงมีคนถือในฐานะสกุลเงินที่ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์สำรองจนสามารถแข็งค่ากว่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและ ขาขึ้นของกราฟ ยังไม่มีความชัดเจนเมื่อตลาดหุ้นเริ่มชะลอตัว ราคาพันธบัตรรัฐบาลร่วงลงซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าโควิด-19 ในสหรัฐฯ ไม่ใช่ปัญหาที่จะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนหันมาถือสกุลเงินดอลลาร์เพราะทรัมป์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของนักลงทุนให้ไปสนใจอยู่กับการขึ้นภาษีกับประเทศอื่นๆ อย่างที่เราได้เห็นว่าสหรัฐฯ เริ่มมีประเด็นทางภาษีกับแคนาดา สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป รายงานตัวเลขรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลที่จะเกิดขึ้นในวันนี้อาจจะไม่ส่งผลกับราคามากนักเพราะตลาดทราบดีอยู่แล้วว่ารายได้ของประชาชนต้องลดลงแม้ว่าตัวเลขยอดขายปลีกจะดีขึ้นอยู่ก็ตาม โดยสรุปแล้วกราฟ USD/JPY อาจจะวิ่งลงกลับไปอยู่ต่ำกว่าระดับราคา 107 อีกครั้ง
แม้จะพบผู้ติดเชื้อใหม่แต่สกุลเงินและยังคงเป็นสองสกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีที่สุดอยู่ดี รายงานจำนวนคนว่างงานของออสเตรเลียดีขึ้นและเดือนพฤษภาคมที่พึ่งประกาศไปคือตัวเลขที่ดีที่สุดในรอบสามเดือน ในขณะที่นิวซีแลนด์มีรายงานว่าตัวเลขยอดการค้าเกินดุลลดลง นอกจากตัวเลขการนำเข้าส่งออกจะดีขึ้นแล้วส่วนหนึ่งที่ทำให้สกุลเงินทั้งสองสามารถทำผลงานได้ดีในช่วงเช้าของวันนี้เป็นเพราะตลาดหลักทรัพย์ในประเทศจีนและฮ่องกงหยุดทำการ อ่อนมูลค่าลงเมื่อได้ทราบข่าวว่าสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch ได้ถอดแคนาดาออกจากระดับ AAA ตอนนี้แคนาดามีปัจจัยเชิงลบรุมเร้าทั้งตัวเลขยอดขายปลีกลดลง ราคาชะลอตัวและปัญหาการส่งออกแร่อลูมิเนียมที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษี กราฟ จึงมีโอกาสที่จะขึ้นไปยืนเหนือระดับราคา 1.37 ได้
สกุลเงินปรับตัวลดลงมากกว่าสกุลเงินแม้ว่าข้อมูลตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก Gfk ของเยอรมันและตัวเลขยอดค้าปลีกของ CBI จากสหราชอาณาจักรจะออกมาดีขึ้น สาเหตุที่สกุลเงินยูโรอ่อนมูลค่าลงเพราะรายงานการประชุมจาก ECB เผยว่าไม่ช้าก็เร็วสกุลเงินยูโรต้องเจอมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมอีกและปัญหาที่สหภาพยุโรปกำลังงัดข้อกับสหรัฐฯ เรื่องการขึ้นภาษี ผู้เชี่ยวชาญใน ECB เห็นความเป็นไปได้ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง ยิ่งเป็นการตอกย้ำคำพูดของสมาชิกคณะกรรมการบริหารธนาคารกลางยุโรปนายอีฟว์ เมิร์สซ์ที่บอกว่านี่คือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ