จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดของนาย Kenneth Fisher ซึ่งเป็นลูกชายของ Phillip Fisher ปรมาจารย์วีไอชื่อดัง เจ้าของหนังสือ Common Stocks and Uncommon Profits
นาย Kenneth ได้กล่าวว่าสาเหตุที่คุณปู่ไม่ได้ซื้อหุ้นในช่วงวิกฤตครั้งนี้เป็นเพราะอายุของท่านมากแล้ว เลยบริหารพอร์ตแบบอยู่เฉยๆ (Become Inactive)
ด้วยวัย 89 ปีของคุณปู่ ซึ่งก็เหมือนนักลงทุนในวัยเดียวกันที่มีความระมัดระวังมากขึ้นตามวัยที่สูงขึ้น
โดยส่วนตัวผมมองว่าก็อาจจะเป็นไปได้ที่คนมีอายุสูงขึ้นแล้วจะกล้าเสี่ยงน้อยลง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต
ถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็จะทำให้ไม่มีเวลาหรือแรงทำงานหาเงินมาเติมได้ดีเท่ากับคนที่มีอายุน้อยกว่า
แต่สำหรับวอร์เรนแล้ว ท่านก็ยังกล้าลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงหลังๆจะลงทุนน้อยลงจนถือเงินสดมากถึง $140,000 ล้าน เพราะไม่สามารถหาหุ้นที่มีคุณภาพและมีราคาเหมาะสมได้
ในวิกฤตครั้งนี้จริงๆแล้วถ้ารัฐบาลและธนาคารกลางอเมริกาไม่ลงมาอุ้มธุรกิจใหญ่ๆ ที่มีคุณภาพแต่ขาดสภาพคล่อง ผมว่าคุณปู่น่าจะใช้เงินซื้อกิจการไปแล้วเหมือนอย่างตอนปี 2008 ที่เข้าซื้อ (NYSE:GE) และ Goldman Sachs ด้วยเงินจำนวนมาก
วอร์เรนก็อาจจะเหมือนนักลงทุนระดับโลกบางคนที่อยู่เฉยๆตอนช่วงวิกฤตเพราะไม่สามารถหาหุ้นที่ถูกใจได้ ต้องอย่าลืมว่าวิกฤตครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่การกลับตัวขึ้นมาเร็วมากแบบตัววี เนื่องจากมีการอัดฉีดเงินมหาศาลเข้ามา
วิกฤตหลายๆครั้งต้องใช้เวลาเกือบปีกว่าดัชนีตลาดหุ้นจะกลับมาเท่าเดิม
ผมเลยไม่อยากให้สรุปว่าคุณปู่แก่เกินไป จึงพลาดโอกาสการลงทุนครั้งนี้
อยากให้มองในสิ่งที่ท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนมามากกว่า 70 ปี
ไม่มีใครรู้หรอกว่าท่านมองผิดหรือถูกในครั้งนี้ เพราะสถานการณ์ยังคงมีการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างต่อเนื่องในอเมริกาและประเทศอย่างอินเดียและบราซิล
เพื่อนๆคิดยังไงกันครับ?
CR: CNBC
บทความนี้ได้รับการอนุเคราะห์จากเพจ Billionaire VI
...
ห้ามพลาดครับ