Event
►วานนี้การซื้อขายในตลาดน้ำมันค่อนข้างผันผวน โดยน้ำมันดิบ Brent ขึ้นแตะ US$40.5/bbl ระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ก่อนจะปิดที่ US$39.8/bbl เพิ่มขึ้น +0.6%
สาเหตุหลักดังนี้
►1) ความไม่แน่นอนการจัดประชุมเพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาลดการผลิตของ OPEC+ โดยแหล่งข่าวต่างประเทศระบุว่าซาอุฯ และรัสเซียสามารถบรรลุข้อตกลงขยายเวลาลด
การผลิต 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ไปอีก 1 เดือน (เดิมจะ Step down เป็ น 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ช่วงเดือนก.ค.-ธ.ค. 2563 และ 5.8 ล้านบาร์เรล/วัน ช่วงเดือนม.ค. 2564 - เม.ย.
2565) อย่างไรก็ตาม ตลาดมองว่าข้อตกลงดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากทางซาอุฯ และรัสเซียได้ย้ำเตือนถึงการปฏิบัติตาม (Compliance) ของโควต้าลดการผลิตแต่
ละประเทศ (ลิเบีย และอิรักยังปรับลดลงน้อยกว่าแผน) ซึ่งหากประเทศผู้ผลิตรายอื่นยังไม่สามารถพัฒนาตัวเลข Compliance ดังกล่าวได้ซาอุฯ อาจเลื่อนการประชุมในเดือน
มิ.ย.นี ้และระงับการปรับลดการผลิต
► 2) รายงานสต็อกน้ำมันของ EIA ที่ค่อนข้างผสมผสาน โดยแม้สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็
ตาม สต็อกน้ำมันเบนซิน และน้ำมันกลั่นเพิ่มสูงขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล และ 9.9 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 0.5 ล้านบาร์เรล และเพิ่มขึ้น 2.8 ล้าน
บาร์เรล ตามลำดับ
Our Take
►ประเด็นดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีความผันผวนมากขึ้นอยู่กับผลการประชุม OPEC+ วันที่ 4 มิ.ย. หรือ 9-10 มิ.ย. หรืออาจไม่เกิดขึ้น รวมทั้งการประกาศราคาน้ำมัน OSP เดือนก.ค.ของซาอุฯ (คาดวันที่5 มิ.ย.)
►ทั้งนี้ เราคาดราคาน้ำมันในระยะกลางเริ่มมี Upside ที่จำกัด
1) ปัจจัยพื้นฐานยังไม่แข็งแกร่งนัก เพราะแม้อุปสงค์น้ำมันช่วง 2H63 มีโอกาสสูงกว่าอุปทาน (การทยอยเปิดเมือง และข้อตกลงลดการผลิต) แต่เชื่อว่ายังไม่เพียงพอลดปริมาณสต็อกน้ำมันทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วใน 1H63 ให้กลับมาสู่ระดับปกติในระยะสั้นได้
2) สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ล่วงหน้าส่งมอบเดือนส.ค. และก.ย. (M1-M2) เป็น Backwardation(ราคาปัจจุบัน > ราคาในอนาคต) เป็นครั้งแรกตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.
3) รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของ Baker Hughes อาจเริ่มเห็นการปรับขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จากข้อมูลทางสถิติย้อนหลัง 10 ปี เราพบว่าราคาน้ำมันดิบ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI และจำนวนแท่นขุดเจาะมีความสัมพันธ์ทางเดียวกัน แต่จำนวนแท่นจะมีLag-time กับราคาน้ำมันดิบราว 9-12 สัปดาห์ทำให้เราคาดว่าจะเริ่มเห็นจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นช่วงปลายเดือนมิ.ย.-ก.ค. หรือในอีก 3-7 สัปดาห์ข้างหน้า (ราคาน้ำมันเริ่มกลับตัวเป็นขาขึ้นในสัปดาห์ที่1 ของเดือนพ.ค.)
► เราคงมุมมองว่าหุ้นหุ้นปลายน้ำ (โรงกลั่น-ปิ โตรเคมี) น่าสนใจมากกว่าต้นน้ำ ชอบSPRC TOP PTTGC โดยราคาหุ้นในระยะสั้นอาจได้แรงหนุนจากบรรยากาศการลงทุน
ทั่วโลกที่สดใส
อย่างไรก็ตาม
1) ราคาน้ำมันระยะกลางเริ่มมีUpside จำกัด
2) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 39% ในช่วง 2 เดือน จนราคาปัจจุบันมีUpside gain จำกัด และ
3)ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เปราะบาง ทำให้สหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้จีนมากขึ้น หากสถานการณ์ชุมนุมในประเทศคลายตัว รวมทั้งเชื่อว่าประเด็นสงครามการค้า
จะเข้มข้นมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้ช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ เดือนพ.ย. เชิงกลยุทธ์แนะนำ Let profitrun เพื่อรอจังหวะทำกำไร
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities