ชัยชนะของซาอุดิอาระเบีย ช่วงหลังๆนี้ดูเหมือนว่าอะไรๆก็ดูดีไปหมดสำหรับประเทศนี้ครับ
ราคาน้ำมันยังกลับมาไม่ถึงระดับก่อนเริ่มสงครามราคาน้ำมันเลย แต่หุ้น Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุ บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทที่เป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ราคาหุ้นได้ไต่กลับขึ้นมาที่ระดับก่อนเกิดสงครามราคาแล้ว ! และทางซาอุยังได้ช้อนหุ้นราคาถูกต่างๆทั่วโลกมาเก็บไว้ได้เต็มมือ
ราคาน้ำมันดิบ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ซื้อขายอยู่ที่ 50 เหรียญต่อบาร์เรลก่อนที่จะเกิดสงครามราคาน้ำมันขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม ต่อมาราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ร่วงลงไปต่ำกว่า 20 เหรียญอยู่ซักพักในช่วงปลายเดือนเมษายน ก่อนที่ล่าสุดจะทะยานขึ้นมาเรื่อยๆจนถึง 35 เหรียญในคืนนี้
ถึงแม้ราคาน้ำมันดิบจะยังซื้อขายอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดสงครามราคาขึ้นถึง -30% แต่คืนนี้นั้นราคาหุ้นของ Saudi Aramco ได้ไต่ขึ้นมาถึงระดับเดียวกับก่อนสงครามจะเริ่มแล้วที่ราคา 33.5 ริยาลต่อหุ้น ! เป็นบริษัทน้ำมันแรกในโลกที่สามารถไต่กลับขึ้นมาที่ระดับก่อนสงครามราคาได้
หากเปรียบเทียบกับบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อื่นๆในโลกคืนนี้:
#ExxonMobil - จาก 53 เหรียญ ตอนนี้อยู่ที่ 44.5 เหรียญ หรือ -16.04%
#Shell - จาก 20 เหรียญ ตอนนี้อยู่ที่ 14.8 เหรียญ หรือ -26.00%
#BP - จาก 420 ปอนด์ ตอนนี้อยู่ที่ 311 ปอนด์ หรือ -25.95%
#Chevron - จาก 100 เหรียญ ตอนนี้อยู่ที่ 91 เหรียญ หรือ -9.00%
ปตท. (BK:PTT)- จาก 40 บาท ตอนนี้อยู่ที่ 36.5 บาท หรือ -8.75%
ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (BK:PTTEP) - จาก 110 บาท ตอนนี้อยู่ที่ 88 บาท หรือ -20.00%
เรียกได้ว่าซาอุนั้นได้พลิกสถานการณ์ของประเทศตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว จากตอนแรกที่ทางรัสเซียเดินทุบโต็ะออกไปจากการประชุมโอเปกตอนต้นเดือนมีนาคม แสดงให้เห็นถึงการขาดความสามัคคีระหว่างกลุ่มโอเปกและพันธมิตรและขาดเสถียรภาพในการรักษาระดับราคาน้ำมัน แถมช่วงนั้นผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกยังเจอวิกฤตไวรัสโควิดโหมเข้าใส่อีกแรงนึง
ทำให้หลายๆประเทศเชื่อว่าซาอุนั้นต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบากแน่ๆ ด้วยการที่ต้องพยายามรักษารายได้ของประเทศจากการขายน้ำมันไว้ให้เพียงพอกับงบประมาณค่าใช้จ่ายอันสูงปรี่ของประเทศ หลายๆฝั่งไม่แน่ใจว่าซาอุจะมีทางออกจากวิกฤตในครั้งนี้เช่นไร...
แต่แล้ว... ซาอุก็ได้ช็อกโลกด้วยการประกาศสงครามราคาน้ำมัน
เช้าวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม ทางซาอุได้ประกาศสิ่งที่โลกไม่คาดฝัน โดยการเริ่มสงครามราคาน้ำมันครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยตอนแรกนั้นหลายฝ่ายไม่แน่ใจว่าทางซาอุต้องการอะไรกันแน่ ? จะทำร้ายตัวเองไปทำไม ? การแข่งกันผลิตน้ำมันจะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันลงไปต่ำกว่าเดิมอีก อย่างนี้จะดีกับประเทศซาอุได้อย่างไร ?
แต่... พอเวลาผ่านไปเพียง 2 เดือนเราก็ได้เห็นแล้วว่าทำไมทางซาอุถึงเลือกที่จะทำแบบนั้น
วันนี้ซาอุไม่ใช่ได้เพียงความสามัคคีระหว่างกลุ่มโอเปกและพันธมิตรกลับคืนมา แต่ยังได้กลุ่มประเทศนอกโอเปกอื่นๆมาร่วมลดกำลังการผลิตน้ำมันด้วย ทำให้เสถียรภาพในการรักษาระดับราคาน้ำมันสูงกว่าแต่ก่อนอีก การเริ่มสงครามราคาเป็นเพียงการขู่ให้ทั่วโลกรู้ไว้ว่า #ตราบใดที่โลกยังต้องการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงอยู่ทางซาอุเราก็ยังมีอิทธิผลมากที่สุดอยู่ !
ไม่ใช่เพียงราคาหุ้นของบริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุที่ทยอยไต่กลับขึ้นมา แต่ระหว่างช่วงที่ราคาน้ำมันโดนถล่มลงไปนั้นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุ (Sovereign Wealth Fund) ได้อาศัยจังหวะที่ราคาหุ้นทั่วโลกกำลังตกต่ำสุดๆ ไล่เข้าซื้อเก็บช้อนหุ้นบริษัทชื่อดังต่างๆของโลกมากมายรวมมูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านเหรียญ ! โดยมีทั้งบริษัทน้ำมันและบริษัทอื่นๆอีกมากมาย โดยทางซาอุนั้นได้ให้เหตุผลที่เก็บหุ้นน้ำมันไว้ด้วยว่าธุรกิจน้ำมันต่างๆนั้นกำลังมีมูลค่าต่ำกว่าจริงมากที่สุด (Most Undervalued) แปลว่าซาอุทราบดีอยู่แล้วว่าราคาน้ำมันที่ลงมานั้นจะต้องดีดกลับขึ้นไปแน่นอน
ทำให้ช่วงนี้หลายฝ่ายคงตั้งคำถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็นการประกาศสงครามราคา การรวมตัวของผู้ผลิตครั้งใหญ่ การช้อนหุ้น และการกลับมาของราคาน้ำมันและหุ้นบริษัท Saudi Aramco ทั้งหมดนั้น
เป็นแผนที่ประเทศซาอุวางไว้อย่างแยบยลตั้งแต่แรกหรือไม่ ?
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP
ดูกราฟราคาน้ำมัน WTI
https://th.investing.com/commodities/crude-oil
ดูกราฟราคาน้ำมัน Brent
https://th.investing.com/commodities/brent-oil