ตอนแรกคาดกันว่าจะ -4% แปลว่า ดีกว่าคาด
แต่ถ้าเรามาลองถอดสมการ C+I+G+X-M สัดส่วนของแต่ละอัน
51% Consumption
25% Investment
16% Government
59% Export
51% Import
เราจะเห็นว่าเครื่องยนต์หลัก 2 ตัว คือ การบริโภคและส่งออก
การบริโภค +3% เป็นบวก แต่แนวโน้มน่าจะลดลงต่อ
• 1-2 ปี ที่ผ่านมา โตจากการซื้อรถยนต์กันเยอะ และเราคงเห็นข่าวรถยนต์ขายได้น้อยลง ผู้ผลิตหลายเจ้าหยุดผลิตกันใน Q2
• แต่ตัวที่เพิ่มคือ ของกินของใช้ที่เราตุนกันเยอะๆ คือ ทูน่ากระป๋อง มาม่า น้ำดื่ม
• อีกรายการที่เพิ่มคือ การใช้ไฟฟ้า เพราะเรา work from home กันมากขึ้น
ส่งออก -6.7% แนวโน้มหดตัวต่อ
.
• สินค้าที่ติดลบหนัก คือ ข้าว มันสำปะหลัง รถยนต์ หดตัว
• สินค้าที่ขยายตัว คือ น้ำตาล คอม แอร์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารสัตว์
• ประเทศที่ส่งออกเพิ่มขึ้น คือ อาเซียน ตะวันออกกลาง
• ประเทศที่ส่งออกลดลง คือ สหรัฐ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย
ท่องเที่ยวก็อยู่ในส่งออก
• ไตรมาสแรก นักท่องเที่ยวมา 6.7 ล้านคน -38% คาดว่าทั้งปีมา 12.7 ล้านคน ลดลง 68%
• อัตราการเข้าพัก Q1 อยู่ที่ 51.5% ลดลงจาก 78.6% เมื่อ Q1 ปีที่แล้ว
ดูทรงแล้ว เครื่องยนต์ 2 ตัวหลัก แนวโน้มค่อนข้างเหนื่อย นี่ยังไม่ได้นับถึงผลกระทบด้านภัยแล้งที่มีต่อภาคการเกษตร และรายได้เกษตรกรอีก
การลงทุน -6.5%
• ภาคเอกชน -5.5% ลดลงจากการก่อสร้าง เครื่องมือ เครื่องจักร และถ้าเราไปดูตัวเลขกำลังการผลิตอยู่ที่ 66.7% (ลดลงจาก 70.8%) ซึ่งสอดคล้องกับการนำสินค้าทุนเข้าประเทศ
• ภาครัฐบาล -9.3% เนื่องมาจากการล่าช้าของงบประมาณ
การใช้จ่ายภาครัฐบาล -2.7% ลดลงต่อเนื่อง
สภาพัฒน์คาดการณ์ว่าทั้งปี GDP อยู่ระหว่าง -5% ถึง -6%
การบริโภค -1.7%
การลงทุนภาคเอกชน -4.2%
ส่งออก -8%
การอุปโภคภาครัฐบาล +3.6%
การลงทุนภาครัฐบาล +5.6%
นั่นแปลว่า ความหวังมีเพียงหนึ่งเดียว คือ การใช้จ่ายของรัฐบาล และถ้าเรารู้แบบนี้เราก็จะมากำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้ เช่น
• รัฐบาลจะเปิดการประมูลเพิ่ม จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่ม EEC เราก็จะต้องมาดูหุ้นรับเหมา เสาเข็ม วัสดุก่อสร้าง นิคม
• รัฐบาลน่าจะต้องแจกเงินต่อ ก็มาดูหุ้นร้านค้าปลีกต่างๆ
• รัฐบาลน่าจะเอาเงินมาช่วยด้านภัยแล้ง ก็ลองดูว่าการเกษตรอันไหนน่าจะดี
แต่ในมุมตรงกันข้าม เราก็ต้องคิดต่อว่า บางกลุ่มอาจจะไม่ดี เช่น รถยนต์ขายน้อยลง หรือเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี ธนาคาร อสังหา บัตรเครดิต สินเชื่อ จะเป็นอย่างไร
สรุป GDP ติดลบแต่ดีกว่าคาด หุ้นขึ้น และถ้าทั้งปีติดลบไม่เกิน 6% ก็แปลว่า ดีกว่าคาดนะครับ
GDP คือข้อมูลในอดีต แต่ราคาหุ้นคือความคาดหวังในอนาคต
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins-วิตามินหุ้น