ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: CQG
- ข้อมูลตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจแย่แค่ไหนในเดือนที่ผ่านมา
- การฟื้นกลับมาของตลาดค้าไม้คือสัญญาณการฟื้นตัวของโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่
- ทองแดง (สินค้าโภคภัณฑ์ยอดนิยมของจีน) กำลังปรับตัวสูงขึ้น
ถือเป็นเรื่องน่าเห็นใจที่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์สมัยนี้ต่างต้องบาดเจ็บจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่สอนนักลงทุนเหล่านี้ให้เติบโตขึ้นได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าได้แต่จินตนาการความเลวร้ายของวิกฤตปี 2008 หรือปี 1930 เอาเองเพราะนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ลงทุนจริง เจ็บจริง นักลงทุนที่ไม้ได้ศึกษาหรือให้ความสนใจกับตลาดที่เป็นปัจจัยพื้นฐานเพียงพอก็จะมีจุดจบอย่างที่เห็น จากการศึกษาค้นคว้าของผมพบว่าผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับตลาด น้ำมันดิบ ทองแดงและไม้สามารถสร้างผลกระทบไปยังตลาดลงทุนอื่นได้อย่างมหาศาล
มีเหตุผลมากมายที่สนับสนุนความเชื่อของผม ไม่ต้องดูที่ไหนไกลเราสามารถพิจารณาได้ว่าทุกอย่างที่หมุนอยู่รอบตัวเราล้วนต้องมีปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้เป็นส่วนประกอบในชีวิต คุณเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ด้วยน้ำมัน บ้านที่คุณอาศัยหลับนอนสบายๆ ในทุกค่ำคืนมีไม้เป็นส่วนประกอบ ไฟฟ้าที่คุณใช้ในการติดตามข่าวสารการลงทุนทุกวันจาก Investing.com มีส่วนประกอบของทองแดง นี่ยังไม่นับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่คุณบริโภคในชีวิตประจำวันอีกมากมาย
แต่เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในรูปแบบของพอร์ตการลงทุนหุ้นของแต่ละบริษัทที่เราถือในยามเกษียณหรือบัญชีเงินฝากที่เรามีล้วนแต่พึ่งปัจจัยพื้นฐานที่พูดมาเป็นต้นทุนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมองมุมไหนราคาของน้ำมันดิบ ทองแดง และไม้ที่ขึ้นหรือลงย่อมส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทอื่นหรือบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ด้วยเช่นกัน
เมื่อวันศุกร์ที่แล้วเราได้ทราบว่าข้อมูลตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ออกมาย่ำแย่ขนาดไหน นอกจากนี้ยังมีการหดตัวของตัวเลข GDP อัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นและกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นคืนกลับมาได้โดยง่าย
ข้อมูลตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจแย่แค่ไหนในเดือนที่ผ่านมา
ช่วงสัปดาห์ก่อนนักลงทุนคงจะทราบกันดีว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจนั้นมีแต่เลขติดลบและเราเชื่อว่าการรายงานตัวเลขติดลบเหล่านี้จะยังคงดำเนินต่อไป ตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ หดตัวลงเกือบ 5% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 และในไตรมาสที่ 2 คาดการณ์กันไว้แล้วในหมู่นักวิเคราะห์ว่าตัวเลขจะยิ่งแย่ลงมากกว่านี้
ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันมีประชากรสหรัฐฯ ตกงานไปแล้วมากกว่า 36 ล้านคนอ้างอิงข้อมูลจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจนมาถึงวันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคมที่ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเดือนเมษายนร่วงลง 11.2% ซึ่งตัวเลขนี้สามารถสะท้อนผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่มีต่อสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดี
ภาคการผลิตคือส่วนที่มีการปรับลดลงมาเยอะที่สุด จากรายงานผลว่าตัวเลขภาคการผลิตลดลง 13.7% เพราะ 70% ของตัวเลขส่วนนี้มาจากการผลิตชิ้นส่วนของยานพาหนะที่หายไปโดยที่ตัวเลขนี้ยังไม่นับรวมเฉพาะส่วนที่ใช้ผลิตสำหรับรถยนต์เท่านั้นที่ตัวเลขการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในเดือนเมษายนลดลง 10.3%
สาเหตุการลดลงฯ เกิดขึ้นจากการที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ถูกสั่งให้หยุดดำเนินการ เมื่อปริมาณความต้องการน้ำมันลดลงย่อมทำให้ความต้องการรถยนต์ลดลงตาม ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้ตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เหมือนว่ากำลังฟื้นตัวแต่จริงๆ แล้วบริษัทผู้ผลิตเหล่านี้กำลังแบกรับพิษเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เอาไว้อยู่ วิกฤตโควิด-19 ไม่ใช่เป็นเรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งแต่เป็นเรื่องของทุกประเทศทั่วโลกเพราะทุกคนต่างเชิญปัญหาเศรษฐกิจหดตัวเช่นเดียวกัน
การฟื้นกลับมาของตลาดค้าไม้คือสัญญาณการฟื้นฟูของโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ 
ราคาของตลาดไม้ปรับตัวลดลงสู่จุดต่ำสุดของราคานับตั้งแต่ช่วงต้นดือนเมษายนปี 2016 กราฟรายสัปดาห์แสดงให้เห็นว่าราคาซื้อขายไม้ล่วงหน้าปรับตัวลดลงจาก $468.30 ต่อ 1,000 บอร์ดฟุตในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ลงมายังจุดต่ำสุดที่ $251.50 ในวันที่ 1 เมษายน จากนั้นกราฟสามารถฟื้นกลับขึ้นมายัง $333 ได้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาส่งมอบล่วงหน้าในเดือนกรกฎาคมมีราคาเทรดอยู่ที่ $345 ต่อ 1,000 บอร์ดฟุตซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับตลาดหุ้นซึ่งกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่ช่วยพากราฟซื้อขายไม้ล่วงหน้าขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเดือนมีนาคม ที่สำคัญอัตราดอกเบี้ยที่เฟดปรับลดลงมาก็มีส่วนช่วยให้ราคาไม้วิ่งกลับขึ้นมาด้วย ราคาไม้จะวิ่งไปทางไหนขึ้นอยู่กับว่ามีความต้องการสร้างที่อยู่อาศัยและการก่อสร้างในสหรัฐฯ มากน้อยแค่ไหน
กราฟรายสัปดาห์แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของราคาไม้และ RSI อยู่ต่ำกว่าตัวเลขของวันที่ 15 พฤษภาคม การเปิดสัญญาซื้อขายใหม่มีเพียง 2,559 สัญญาเท่านั้นซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดค้าไม้ล่วงหน้าของสหรัฐฯ ขาดสภาพคล่อง เชื่อว่าสภาพคล่องของตลาดค้าไม้จะยังคงได้รับผลกระทบไปอีกสักระยะจากค่าส่วนต่างการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ดัชนีวัดความผันผวนของตลาดค้าไม้มีตัวเลขอยู่ที่ 76% ซึ่งใกล้กับจุดสูงสุดเท่าที่ดัชนีนี้เคยวัดได้ในปี 2020
ดังนั้นแม้ว่าตลาดค้าไม้จะส่งสัญญาณการฟื้นตัวได้ดีเพราะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นช่วยดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้เชื่อว่าการก่อสร้างควรจะดีขึ้นตาม แต่ราคาค้าไม้จะขึ้นหรือไม่ยังต้องอ้างอิงกับสภาพและเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและจากตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมล่าสุดยิ่งทำให้ตลาดค้าไม้ขาขึ้นมีโอกาสเจอความยากลำบากระหว่างทาง
ทองแดงซึ่งเป็นสินค้ายอดนิยมของจีนกำลังปรับขึ้น
เชื่อหรือไม่ว่าทองแดงที่อยู่ในสายไฟตามบ้านของพวกเราในทางเศรษฐศาสตร์แล้วมีความสำคัญถึงขนาดว่าใช้เป็นมาตรวัดสภาพเศรษฐกิจของโลกได้เลย ตั้งแต่จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้ใช้ทองแดงเป็นรายใหญ่ของโลกเราก็สามารถใช้ราคาทองแดงเป็นดัชนีวัดเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจีนได้
กราฟรายสัปดาห์ของตลาดซื้อขายทองแดงล่วงหน้าในตลาด COMEX ชี้ให้เห็นว่าราคาทองแดงได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ $2.8860 ต่อปอนด์ในช่วงกลางเดือนมกราคมและร่วงลงสู่จุดต่ำสุดที่ $2.0595 ในช่วงกลางเดือนมีนาคมโดยมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ราคาทองแดงในเดือนมีนาคมคือตัวเลขต่ำที่สุดของราคานับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2016
อย่างไรก็ตามราคาทองแดงปรับสูงขึ้นเช่นเดียวกันกับในตลาดค้าไม้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยมีราคาอยู่ที่ $2.33 จากการเพิ่มขึ้นของสัญญาการซื้อขายในสัปดาห์ที่แล้วแต่ตัวเลขสัญญาซื้อขายที่เพิ่มขึ้น 168,000 สัญญายังน้อยกว่าเดิมที่เคยมีมากถึง 285,000 สัญญา การลดลงของตัวเลขสัญญานี้คือสัญญาบอกว่านักลงทุนในตลาดขอถอยออกมารอดูสถานการณ์ก่อน ที่สำคัญดัชนีวัดความผันผวนพบว่ามีตัวเลขเกินกว่า 36% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของปี 2020
สรุปแล้วตลาดค้าไม้และทองแดงคือสินค้าโภคภัณฑ์ที่สามารถบอกนักลงทุนได้ถึงอัตราการเติบโตและการหดตัวทางเศรษฐกิจ ตอนนี้กราฟทั้งสองกำลังอยู่ในช่วงทดสอบแนวต้านสำหรับขาขึ้น ตลาดกำลังรอดูข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีตัวเลขดีกว่านี้และสัญญาณที่บอกถึงการสิ้นสุดของวิกฤตโควิด-19 ตอนนี้หากต้องการรู้ว่าทิศทางของตลาดจะหันไปในทิศทางใด นักลงทุนสามารถใช้กราฟของตลาดทองแดงและไม้ในการคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ