สรุป Oppday Q1’20
ถ้าดูแค่ตัวเลขขาดทุน 784 ล้านบาท แถมยอดขายยังลดอีก 28% เราอาจจะขอผ่าน
แต่แปลกใจที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดกันว่า Q1 น่าจะเป็นจุดต่ำสุด
พอมาฟัง Oppday ก็มีความรู้สึกว่า อาจจะเป็นไปได้อยู่เหมือนกันเพราะ
1.ขาดทุนเยอะจาก stock loss แต่ Q2 จะกลับด้าน
เหตุผลจากตอนราคาน้ำมันลงแรง จริงๆ ขาดทุน 2 พันกว่าล้านบาท แต่มี hedge ไว้ 1,300 ล้านบาท แนวโน้ม Q2 น่าจะกลับมาเป็นกำไรสต็อคแทน ผู้บริหารบอกว่าให้ลองดูตอน Q4’18 ที่เหตุการณ์คล้ายกัน แต่อพอ Q1’19 ก็ reverse กลับมาหมด
2. ยอดขายลดเพราะ COVID
ในแง่ปริมาณขาย 78% ต่างประเทศ 22% ในประเทศ
ในแง่รายได้ 76% ต่างประเทศ 24% ในประเทศ
ปัญหาหลักที่ทำให้ยอดขายลดลงเพราะ COVID-19 โดยเฉพาะจีนที่เป็นคู่ค้าหลัก และความล่าช้าของงบประมาณในไทย แต่เรื่องที่เป็น surprise คือ เวียดนาม ออเดอร์เยอะมาก จนแซงขึ้นมาเป็นเบอร์ 1
แนวโน้ม Q2 ยอดขายดีขึ้นโดยเฉพาะในไทยที่งบประมาณผ่านเรียบร้อย และ Q2 เป็นช่วงพีคยาวไป 5-6 เดือน ที่จีนก็มีออเดอร์หนาแน่นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ส่วนเวียดนามยังโตต่อเนื่อง
3.แนวโน้มราคายางมะตอยเพิ่มเร็ว
ต้นปีราคา $170 ต่อตัน ตอนนี้ $200 แล้ว และน่าจะสูงขึ้นอีก เพราะว่าโรงกลั่นน้ำมันต่างประเทศลดกำลังการผลิตลง supply ยางมะตอยลดลง
4. Spread กว้างขึ้น
ถ้าดูจากรูป ช่วงที่ดีคือ เส้นสีเขียว ราคายางมะตอย สูงกว่า เส้นสีแดง ราคาน้ำมันดิบ ถ้าดูจาก gap ก็จะเห็นว่ากว้างขึ้น และถ้าแนวโน้มราคายางมะตอยสูงขึ้นก็น่าจะเพิ่มความกว้างขึ้นไปอีก
บทสรุป คงต้องบอกว่า เวลลงทุนหุ้นที่เกี่ยวกับ commodity เราต้องเข้าใจภาพของราคาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต รวมทั้ง Demand-Supply ให้ดี
แน่นอนว่ามีความผันผวนสูง แต่สำหรับคนที่เข้าใจก็สามารถลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีได้ และทำให้เราเข้าใจได้ว่า บางครั้งตัวเลขขาดทุนอาจจะไม่ได้แย่เสมอไปก็ได้ครับ แต่ก็ต้องย้ำว่าเราต้องเข้าใจให้ดีก่อนลงทุน
#TASCO #OPPDAY #วิตามินหุ้น
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins-วิตามินหุ้น