การตามหาหุ้นที่มีการปันผลสูงกลายเป็นสิ่งท้าทายสำหรับนักลงทุนทุกวันนี้เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังร่วงลงสู่การถดถอยระยะยาวจากปัญหาวิกฤตโควิด-19 ที่ลุกลามไปทั่วโลก คาดว่าเราคงจะต้องอยู่กับตัวเลขอัตราดอกเบี้ยเป็น 0% หรือลงไปติดลบไปอีกสักพัก แม้การปันผลของหุ้นจะเป็นเหมือนเกราะกำบังให้กับนักลงทุนแต่สิ่งที่นักลงทุนต้องเข้าใจก็คือว่าหุ้นที่มีการปันผลสูงมักจะไม่ใช้หุ้นที่ปันผลได้ตลอดเวลา
ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องคัดสรรหุ้นที่จะถือในช่วงเวลานี้ให้ดี การเน้นไปที่บริษัทที่มีงบการเงินที่ดี มีประวัติศาสตร์การดำเนินงานมาอย่างยาวนานแม้จะให้ผลตอบแทนต่ำไปบ้างก็ตาม บทความนี้จะมาแนะนำหุ้น 3 ตัวที่เราเชื่อว่าสามารถให้ผลตอบแทนระยะยาวแก่นักลงทุนที่ต้องการการปันผลที่มั่นคง
1. Home Depot
Home Depot (NYSE:HD) ถือเป็นหนึ่งในบริษัทตัวแทนขายปลีกที่สามารถเอาตัวรอดมาได้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงจะเข้าสู่ยุคถดถอยมากขึ้น
ก่อนที่วิกฤตไวรัสโคโรนาจะเข้ามาบริษัท Home Depot ซึ่งมีสาขามากกว่า 2,200 สาขาในสหรัฐฯ และยังมีร้านตัวแทนจัดจำหน่ายอยู่ในเม็กซิโกและแคนาดากำลังอยู่ในช่วงได้รับกำไรคืนจากการลงทุนมูลค่า $1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กับการเปลี่ยนโฉมระบบการซื้อขายของบริษัทให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้นและสามารถเข้าถึงผู้ต้องการสินค้าได้โดยตรง เชื่อว่าจากการอัปเกรดระบบครั้งนี้จะทำให้ยอดขายของ Home Depot จากร้านหรือสาขาที่มีอยู่เดิมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่ผ่านช่วงวิกฤตไปแล้ว
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของตลาดการซื้อขายที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับ Home Depot หลังจากที่ไวรัสโคโรนาถูกควบคุมได้แล้ว ตัวเลขอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำตอนนี้จะช่วยทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น หลังจากเป็นเจ้าของบ้านแล้วพวกเขาก็ต้องเลือกซื้อของเข้ามาเพื่อตกแต่งบ้านและนั่นทำให้ Home Depot กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ
ในแง่ของการปันผลพบว่า Home Depot มีการปันผลในแต่ละไตรมาสเพิ่มขึ้น 380% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการปันผลต่อเนื่องอยู่ที่ 42% และยังมีโอกาสเพิ่มเปอร์เซนต์เงินปันผลขึ้นได้อีก เมื่อวานนี้หุ้นของ Home Depot มีราคาปิดอยู่ที่ $234.48 ปรับตัวขึ้น 1.90% มีตัวเลขการปันผลในแต่ละไตรมาสอยู่ที่ $1.5 ตลอดทั้งปี 2020 หุ้น Home Depot ปรับตัวขึ้นมา 5%
2. Enbridge
ตลาดในกลุ่มสาธารณูปโภคถือเป็นอีกตลาดหนึ่งที่นักลงทุนสามารถทำกำไรได้หากพวกเขาถือหุ้นไว้ยาวนานพอ Enbridge (NYSE:ENB) บริษัทผู้มีท่อส่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือถือเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะ Enbridge มีซัพพลายเชนด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ
เงินสะพัดที่หมุนภายในบริษัท Enbridge ถือว่ามีการกระจายความเสี่ยงไปยังภาคส่วนอื่นๆ ของธุรกิจได้ดี Enbridge ได้รับผลกระทบน้อยกว่าบริษัทอื่นเมื่อไวรัสโคโรนามาถึงและสร้างผลกระทบต่อทุกตลาดเพราะ Enbridge การกระจายเงิน 30 % ที่มีไปยังธุรกิจการกักเก็บน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติและการเป็นตัวกลางในการส่งก๊าซธรรมชาติ
การมีเสถียรภาพในแง่ของการสร้างผลกำไรทำให้ Enbridge ถือเป็นหุ้นกลุ่มประเภทตั้งรับที่ดีเมื่อเศรษฐกิจเกิดความผิดปกติเกิดขึ้น ในแต่ละไตรมาส Enbridge มีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.577 และการปันผลต่อปีมีตัวเลขอยู่ที่ 7%
ในช่วง 3 ปีล่าสุด Enbridge ได้อยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร มีการขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็นออกไป มีการชำระหนี้และหันมาโฟกัสอยู่กับจุดแข็งที่เป็นหัวใจหลักของบริษัทมาตลอด การดำเนินการเหล่านี้ทำให้บริษัทสามารถยืนหยัดต่อไปได้และเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในระยะยาว เมื่อวานนี้หุ้นของ Home Depot มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $30.64 ปรับตัวลดลงมา 21% นับตั้งแต่ต้นปี 2020 มาจนถึงปัจจุบัน
3. Honeywell
Honeywell International (NYSE:HON) เจ้าของผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายประเภท ได้แก่ ด้านอากาศยานและการบิน เทคโนโลยีการควบคุมสำหรับอาคารบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม เทอร์โบชาร์จเจอร์ และด้านวัตถุดิบประสิทธิภาพและเทคโนโลยีให้ลูกค้าทั่วโลกคือบริษัทสุดท้ายที่เรานำข้อมูลมานำเสนอ ในขณะที่บริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันยังไม่สามารถหาทางออกให้กับปัญหาเศรษฐกิจได้แต่ Honeywell กลับมีกลยุทธ์แตกต่างออกไป
สิ่งที่ทำให้ Honeywell แตกต่างจากบริษัทอื่นคือการกระจายความเสี่ยง พวกเขาใช้วิธีกระจายเงินสะพัดไปยังธุรกิจทุกประเภทที่ตนเองมี สร้างความได้เปรียบให้กับการตั้งรับในยามวิกฤตและพร้อมกลับมาเดินเกมรุกเมื่อฟ้าสดใส
นาย Darius Adamczyk ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทมานานกว่า 3 ปีกำลังพยายามเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมามากกว่า 135 ปีให้เป็นบริษัทที่เต็มไปด้วยกลุ่มสตาร์ทอัพ มีความคิดริเริ่มไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ ในยุคของ CEO คนนี้เขาได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้ซอฟท์แวร์เป็นตัวขับเคลื่อนมากมายเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถมีการจัดการกับซัพพลายเชนของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ด้วยวิธีคิดนี้จึงทำให้บริษัท Honeywell มีภาพรวมทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่ง
เมื่อพูดถึงการปันผลของบริษัท Honeywell เราพบว่าบริษัทมีประวัติการปันผลที่ดีเยี่ยมมาตลอด ปัจจุบัน Honeywell มีตัวเลขการปันผลในแต่ละปีอยู่ที่ 3% ในแต่ละไตรมาสจะปันผลให้กับผู้ถือหุ้นไตรมาสละ $0.90 และบริษัทยังมีอัตราการเติบโตของการปันผลตลอด 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 11% ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา Honeywell มีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องมาโดยตลอด อัตราการจ่ายเงินปันผลของบริษัทโดยเทียบกับกำไรสุทธิอยู่ที่ 49% ล่าสุดราคาหุ้นของ Honeywell มีราคาปิดอยู่ที่ $127.05
โดยสรุปแล้ว
ในสภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจคือช่วงเวลาที่นักลงทุนถามหาความมั่นคงมากขึ้นและทำทุกอย่างเพื่อลดความเสี่ยงของตัวเองลง การลงทุนในหุ้นที่มีความสม่ำเสมอคือคำตอบมากกว่าการลงทุนในหุ้นที่ไม่รู้ว่าจะปันผลหรือหยุดปันผลเมื่อไหร่ สำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในระยะยาวในช่วงที่ทุกอย่างคือความไม่แน่นอน หุ้นทั้ง 3 ที่เราได้นำเสนอไปคือทางเลือกที่ดี