🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

บริษัทขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ ยอมขาดทุนระยะยาวเพื่อเอากำไรช่วงสั้นๆ

เผยแพร่ 13/05/2563 15:17
LCO
-
CL
-
CLR
-
CPE
-
SHEL
-
ET
-
FANG
-
USO
-
PE
-

แม้จะยังไม่ถึงขนาดว่ากลับมาผลิตน้ำมันได้เต็ม 100% แบบช่วงก่อนโควิด-19 แต่กำลังการผลิตน้ำมันที่ค่อยๆ กลับมาช้าๆ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ทำให้เหล่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันดีใจราวกับว่าเจอแหล่งทองคำแห่งใหม่ สำหรับผมความคิดนี้คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันจากหินน้ำมัน (oil shale) ในระยะยาว

จริงอยู่ที่ราคาน้ำมันดิบตกต่ำไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการน้ำมันแต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีครั้งไหนที่อุปสงค์และอุปทานของน้ำมันดิบพร้อมใจกันทำร้ายตลาดอุตสาหกรรมน้ำมันได้ขนาดที่ว่าส่งราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าลงไปติดลบได้ มาตรการปิดล็อกเมืองเมื่อ 2 เดือนก่อนไม่ทำลายเฉพาะปริมาณความต้องการน้ำมันดิบตลอด 10 ปีที่ผ่านมาแต่ยังส่งผลทำให้กลไกในตลาดราคาน้ำมันกลับหัวกลับหางกันหมดทุกภาคส่วนไล่ตั้งแต่ประเทศผู้ผลิตลงมาถึงผู้บริโภครายย่อย

การตอบสนองความต้องการน้ำมันดิบแบบผ่านไปเป็นวันวัน

นาย Ben van Beurden ซีอีโอของบริษัท Royal Dutch Shell (NYSE:RDSa) กล่าวว่า “ความผันผวนในตลาดน้ำมันดิบตอนนี้อยู่ในรูปแบบคุณไม่สามารถประเมินสถานการณ์ออกมาเป็นฉากทัศน์ได้เลย” อุปสงค์กับอุปทานที่มีในตลาดตอนนี้ทำได้เพียงให้อยู่รอดกันไปแบบ “วันต่อวัน” ได้เท่านั้น

เรามาดูกันที่ราคาน้ำมันหลักของสหรัฐฯ อย่าง WTI กันสักหน่อย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาพบว่าน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 2.5% หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้นมา 25% และสัปดาห์ก่อนหน้านั้นอีกปรับตัวขึ้นมา 17% ตลอด 11 วันล่าสุดคิดเป็นการปรับตัวขึ้นมา 100%

WTI Futures Daily Chart

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานาย Mackie McCrea ซีซีโอของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ Energy Transfer (NYSE:ET) ได้เริ่มกลับมาเปิดให้มีการขุดเจาะน้ำมันหลังจากที่ถูกสั่งปิดไปเพื่อช่วยกันลดกำลังการผลิตลงตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานคำพูดของ CCO คนนี้ว่า “ตอนนี้กำลังการผลิตน้ำมันของบริษัทกลับมา 25% ตั้งแต่วันจันทร์หลังจากที่กำลังการผลิตของบริษัทหายไป 8% เพราะถูกสั่งให้ลดกำลังการผลิตน้ำมันลงชั่วคราว”

บริษัทขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯ รายใหญ่ไม่ถูกใจที่ต้องตัดกำไรทิ้งเพื่อลดกำลังการผลิตฯ

ก่อนหน้านี้บริษัท Diamondback Energy (NASDAQ:FANG) และ Parsley Energy (NYSE:PE)ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตหินน้ำมันที่มีชื่อเสียงเคยออกมาบอกว่าพวกเขาต้องการราคาน้ำมัน WTI ที่ $30 ต่อบาร์เรลจึงจะยอมลดกำลังการผลิตน้ำมันและไม่เริ่มการหาแหล่งขุดเจาะน้ำมันใหม่ เมื่อวันจันทร์ราคาน้ำมันดิบ WTI มีราคาอยู่ที่ $25 ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีราคาอยู่ที่ประมาณ $30 Brent Futures Daily Chart

บริษัท Diamondback เริ่มลดกำลังการผลิตของตนลงประมาณ 10-15% และยังลดจำนวนพนักงานลงตลอดทั้งไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ทาง Diamondback เผยว่าก่อนสิ้นปีพวกเขาหวังว่าจะสามารถหาบ่อน้ำมันเพิ่มได้อีก 150 แห่ง ส่วนบริษัท Parsley Energy ก็ได้ลดกำลังการผลิตน้ำมันลงมาชั่วคราวพร้อมทั้งปิดแท่นขุดเจาะน้ำมันจำนวน 5 แท่นเป็นการชั่วคราว

การยอมเสียสละเป้าหมายตลอดทั้งปีของทั้งสองบริษัทสามารถช่วยให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงรักษาคำพูดว่าจะลดกำลังการผลิตลงให้เหลืออย่างน้อย 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ให้ไว้กับซาอุดิอาระเบียกับรัสเซียซึ่งเริ่มดำเนินการมาแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ทรัมป์ระบุว่าการลดกำลังการผลิตครั้งนี้ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ หายไป 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ไม่ใช่เฉพาะ 2 บริษัทยักษ์เท่านั้นแต่ยังมีบริษัทอื่นๆ อย่าง Continental Resources (NYSE:CLR) และ Callon Petroleum (NYSE:CPE) ที่กำลังเดินตามแผนลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งนี้ด้วย Rystad Energy กล่าวว่าหากบริษัทผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วมมือกันเราจะได้เห็นการลดกำลังการผลิตฯ มากถึง 600,000 บาร์เรลต่อวันภายในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน

ยิ่งไปกว่านั้นตลาดยังได้รับข่าวดีเข้ามาอีกเมื่อรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบีย Abdulaziz bin Salman ออกมาประกาศเมื่อวันจันทร์ว่าซาอุดิอาระเบียจะลดกำลังการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิถุนายนทำให้ตัวเลขกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียลดลงไปเหลือ 7.5 ล้านบาร์เรลต่อวันคิดเป็นการลดกำลังการผลิตลงเกือบ 40% จากกำลังการผลิตในเดือนเมษายนและความเอื้ออาทรนี้เองอาจนำมาซึ่งปัญหาครั้งใหม่...

ปัญหาเดิมๆ อาจกลับมาเมื่อซาอุดิฯ ลดสหรัฐฯ เพิ่ม

เมื่อซาอุดิอาระเบียประกาศข่าวดีออกมาให้ทราบความกังวลจึงกลับมาอยู่ที่สหรัฐฯ อีกครั้งหากบริษัทผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ทั้งสองอย่าง Diamondback Energy และ Parsley Energy เห็นว่ามีคนช่วยลดกำลังการผลิตแล้วและพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอีกต่อไป ที่สำคัญพวกเขาอยากได้ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ $30 ต่อบาร์เรลอยู่แล้ว หากเป็นเช่นนั้นปัญหาเดิมๆ ก็จะกลับมาเมื่อมีคนหนึ่งยอมเป็นคนดีช่วยลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มอีกคนก็จะเริ่มหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองทันที

สถาบันทางการเงินชื่อดังโกลด์แมน แซคส์ถึงกับเขียนข้อความเตือนนักลงทุนของพวกเขาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดว่า 

“เราเข้าใจดีว่าตอนนี้นักลงทุนในตลาดกำลังดีใจกับการกลับมาของปริมาณความต้องการน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบ WTI ขึ้นไปเกือบ $25 ต่อบาร์เรลในขณะที่เบรนท์ปรับตัวขึ้นไปเกือบถึง $30 ต่อบาร์เรลได้ แต่สิ่งที่เรากำลังเป็นกังวลตอนนี้คือตลาดน้ำมันกำลังแลกกำไรในระยะสั้นกับกำไรในระยะยาว หากสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มกำลังการผลิตในตอนนี้อาจนำไปสู่ความขัดแย้งกับโอเปกในอนาคตได้”

บริษัท Wall Street เขียนว่า

“ความเป็นไปได้นี้ทำให้ผู้เชียวชาญรู้สึกไม่สบายใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทที่ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่และบริษัทรายย่อยที่กำลังใช้โอกาสนี้จัดระเบียบสร้างการแข่งขันทางการค้าขึ้นมาใหม่ในปี 2020”

สหรัฐฯ ต้องอดทนให้ได้มากกว่านี้

นาย John Kilduff ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุนด้านพลังงาน “Again Capital” กล่าวว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ในตอนนี้จำเป็นจะต้องอดทนยอมเจ็บตัวและยังไม่เปิดแท่นขุดเจาะน้ำมันเพิ่มไปก่อน

“สำหรับตอนนี้สหรัฐฯ ยังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมลดกำลังการผลิตน้ำมันรอไปก่อน รอจนถึงวันที่การลดกำลังการผลิตน้ำมันจะสามารถชดเชยความต้องการน้ำมันดิบที่หายไปให้กลับมาได้ ผมรู้ว่าความคิดนี้ฟังดูโลกสวยเกินไปแต่เราจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อคืนเสถียรภาพให้กับอุปสงค์อุปทานของน้ำมันดิบในระยะยาว การที่กองทุนน้ำมันที่กำลังพยายามดันราคาให้สูงขึ้นเรื่อยๆ คือสัญญาณบ่งบอกว่าราคาน้ำมันยังไม่พร้อมที่จะไปไกลกว่า $30 และควรมีราคาอยู่ที่ประมาณ $20 กลางๆ”

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย