Record-low short sales value led to record-high SET valuation
SET: วานนี้ SET Index ปรับตัวโดดเด่นกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะเป็นผู้ขายสุทธิอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยดัชนียังคงได้รับแรงผลักดันจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นสำคัญ เหมือนกับภาพที่เคยเกิดขึ้นมาตลอดก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นปัจจัยที่ยังคงทำให้ SET ปรับตัวลงยากยังคงเป็นปัจจัยเดิมที่เราพูดไว้ตั้งแต่ตอนต้นเดือนนั่นก็คือ มูลค่าการ Short sales ที่หายไปจากตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากการบังคับใช้มาตรการ Uptick rule ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง Selling pressure ที่หายไปกว่า 4 พันล้านบาทต่อวันนี้ ทำให้ดัชนียังคงยืนได้อย่างแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่า Valuation ยังคงมีความร้อนแรงก็ตามที (รายละเอียดด้านล่าง)
ในเชิงกลยุทธ์: ยังคงแนะนำ Wait & See ในภาพรวม แต่สามารถ Selective หุ้นได้ในภาวะที่ดัชนียังคงลงได้ยากเช่นนี้ โดยยังคงแนะนำ 3 กลุ่มธีมการลงทุนเดิมซึ่งได้แก่
1.กลุ่มโรงกลั่นที่ราคาสะท้อนผลประกอบการที่ Bottom ในไตรมาส 1 ไปแล้ว ได้แก่ SPRC, TOP, BCP
2.กลุ่มธนาคารที่มี Deep discount ในเชิง Valuation ได้แก่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (BK:BBL)ถึงแม้ว่าล่าสุดตัวหุ้นจะไม่ถูกพิจารณาเข้าสู่ดัชนี MSCI ในรอบนี้
3.กลุ่มหุ้นที่เราคำนวณว่ามีโอกาสสูงที่จะถูกคัดเลือกเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ในรอบถัดไป ได้แก่ TTW, BPP
Valuation:จากราคาปิดของ SET Index วันนี้ ทำให้ดัชนีล่าสุดซื้อขายด้วยระดับ Forward PE 17.9 เท่า (อิงประมาณการ EPS ที่ 71.3 บาท) ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ Bloomberg เคยเก็บสถิติมาตั้งแต่ปี 2006 (รูปที่ 2)มองเป็นปัจจัยลดทอนความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยที่สำคัญ และเป็นปัจจัยสำคัญที่เราพูดมาตลอดว่าทำให้นักลงทุนต่างชาติยังคงไม่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยสักทีหนึ่งสวนทางกับตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ยังพอมี Flow ไหลเข้าประปรายอยู่บ้าง จากอัตราผลตอบแทนแท้จริงที่อยู่สูง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป การปรับขึ้นของ SET คงจะไม่ยั่งยืน เนื่องจากสภาพคล่องภายในที่จะผลักดันนั้นมีจำกัด ประเมินหากช่วงสิ้นไตรมาส 2 ตลท.มีการยกเลิกเกณฑ์ Uptick rule ตามที่กำหนด จะทำให้ดัชนีมีการปรับฐานอย่างรุนแรงได้
BAM:คาดการณ์กำไรไตรมาส 1/63 ที่ระดับ 684 ล้านบาท (-59% QoQ / -79% YoY) โดยภายใต้มาตรฐาน TFRS9 จะทำให้บริษัทรายงานรายได้จาก NPL เพิ่มขึ้น จากการรับรู้รายได้ตามเกณฑ์คงค้าง (EIR) ในส่วนของ NPL ที่มีหลักประกัน จากที่เมื่อก่อนจะรับรู้รายได้เฉพาะเมื่อได้รับกระแสเงินสดอย่างไรก็ตามทางบริษัทมีนโยบายที่จะตั้งสำรองหนี้สำหรับรายได้ที่ยังไม่ได้รับจริง ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้อาจเพิ่มขึ้นชดเชยรายได้ในส่วนที่เพิ่มขึ้นสำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/63 อาจเห็นผลกระทบที่มากขึ้น เนื่องจากตั้งแต่ช่วงปลาย มี.ค.กรมบังคับคดีได้หยุดให้บริการชั่วคราว ทำให้ในช่วงดังกล่าวบริษัทไม่สามารถนำทรัพย์หลักประกันไปประมูลขายได้ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 63 ลง 20% จากประมาณการก่อนหน้า เหลือ 4,138 ล้านบาท (-37%YoY) และปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 24.5 บาท ทั้งนี้เรายังไม่ได้รวมผลบวกจาก DTA ส่วนที่เหลืออีกราว 5.9 พันล้านบาทเข้ามาในประมาณการแต่อย่างใดด้วยระดับ Upside ที่ไม่ถึง 10% บวกกับ Momentum ของกำไรที่อ่อนตัว จึงปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ถือ”
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities
ดูกราฟดัชนี SET INDEX ล่าสุด
https://th.investing.com/indices/thailand-set
ดูหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยรายตัว
https://th.investing.com/equities/