- ราคาน้ำมันดิบและน้ำตาลร่วงลงสู่จุดต่ำสุดใหม่ในเดือนเมษายน
- น้ำตาลเป็นทั้งสินค้าส่งออกและสิ่งที่สกุลเงินของบราซิลผูกติดมูลค่าเอาไว้
- สกุลเงินของบราซิลคืออีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำตาลจนสร้างขาลงที่มีแรงขับเคลื่อนมหาศาล
ขอขอบคุณเครดิตภาพประกอบจาก CQC
เมื่อเราถามว่า “ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีอะไรบ้าง?” สิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะตอบก็จะมี ทองคำ ทองแดง น้ำมันดิบ แร่ชนิดต่างๆ ซึ่งน้ำตาลจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทุกคนพูดหรือนึกถึง น้ำมันดิบถือเป็นพี่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มพลังงานและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นสัญญาการซื้อขายล่วงหน้าของน้ำมันดิบจึงมีปริมาณการซื้อขายในตลาดเยอะที่สุด ตลาดซื้อขายราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าที่ทุกคนรู้จักกันดีในสหรัฐฯ เกิดขึ้นที่ตลาด NYMEX ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดศูนย์กลางการซื้อขาย CME
น้ำตาลเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Soft commodities หรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกิดจากการผลิตของมนุษย์ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ภาคเกษตรกรรมหรือปศุสัตว์ มีปริมาณการซื้อขายสูงทั้งแบบสัญญาล่วงหน้าและสปอตในตลาด ICE ถามว่าแล้วน้ำมันดิบกับน้ำตาลมีความสัมพันธ์กันอย่างไร? คำตอบคือบางพื้นที่ของโลกใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตเอทานอล เมื่อน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในเดือนเมษายนราคาน้ำตาลจึงปรับตัวลดลงด้วย
ทุกคนทราบดีว่าเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่ตลาดน้ำมันดิบทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดของปี 2020 ความจริงแล้วผมต้องใช้คำว่าแย่ที่สุดตั้งแต่ตลาด NYMEX เปิดให้มีการซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบเกิดขึ้นเลยต่างหาก
จากรูปของกราฟในแต่ละไตรมาสราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าล่าสุดร่วงลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดตลอดกาล $9.75 ต่อบาร์เรลในปี 1986 และได้ลงไปสร้างสถิติใหม่ที่ -$40.32 ใช่แล้วครับ ต่ำกว่า $0 ลงไปอีก ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบสร้างสถิติติดลบ ราคาน้ำตาลก็ได้สร้างจุดต่ำสุดในรอบหลายปีเมื่อเดือนที่แล้ว
ราคาน้ำตาลล่วงหน้าในตลาด ICE ลงไปสร้างจุดต่ำสุด 9.05 เซนต์ต่อปอนด์เมื่อเดือนเมษายน ครั้งสุดท้ายที่ราคาน้ำตาลลงไปยังจุดต่ำสุดขนาดนี้ต้อนย้อนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2007
บราซิลคือเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าผลิตและส่งออกอ้อยเป็นอันดับหนึ่งของโลก ดังนั้นหากจะกล่าวว่าน้ำตาลคือทุกอย่างของประเทศบราซิลจึงไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เมื่อน้ำตาลคือส่วนประกอบหลักของการผลิตอาหารแทบทุกอย่างบนโลกและส่วนประกอบหลักของเอทานอล บราซิลจึงได้รับหน้าที่เป็นผู้ผลิตหลักและกุมการผลิตน้ำตาลเอาไว้ในมือ อย่างไรก็ตามหากพูดถึงประเทศที่ผลิตน้ำตาลเพื่อนำไปทำเอทานอลไม่ใช่มีแต่บราซิลเท่านั้นแต่สหรัฐอเมริกาก็สามารถทำได้โดยใช้ข้าวโพดเป็นส่วนประกอบ
จากกราฟเราจะเห็นว่าราคาซื้อขายเอทานอลล่วงหน้าปรับตัวลดลงไปยังจุดต่ำสุดในเดือนเมษายนปี 2020 โดยมีราคาอยู่ที่ 79.9 เซนต์ต่อแกลลอน เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่ทำไมราคาเอทานอล น้ำตาล ข้าวโพดจึงพากันลงไปสู่จุดต่ำที่สุดของตนในรอบ 13 ปี
สกุลเงินของบราซิลที่เรียกกันว่า "เรียล (real)" คืออีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาน้ำตาล การปรับตัวลดลงของราคาน้ำตาลทำให้สกุลเงินเรียลอ่อนมูลค่าลง จากราคาน้ำมันสู่ราคาน้ำตาลและจากราคาน้ำตาลสู่สกุลเงินหลักของประเทศจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งสามตลาดมีความเกี่ยวข้องกัน
ในขณะที่ราคาน้ำมันถูกลงแต่ต้นทุนการผลิตน้ำตาลในกระบวนการต่างๆ ยังเท่าเดิมและมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเช่น ค่าแรง ค่าขนส่ง ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ล้วนมีผลต่อสกุลเงินประจำชาติของบราซิลทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อสกุลเงินเรียลอ่อนมูลค่าลงความกดดันในกราฟซื้อขายราคาน้ำตาล่วงหน้าย่อมเพิ่มสูงขึ้น
กราฟด้านบนนี้คือการเทียบสกุลเงินระหว่างดอลลาร์สหรัฐเทียบเรียลบราซิลซึ่งแสดงให้เห็นว่ากราฟกำลังปรับตัวลงไปทดสอบจุดต่ำสุดที่ $0.16775 เมื่อเดือนพฤษภาคม ผ่านมา 9 ปีแล้วนับตั้งแต่ปี 2011 ที่กราฟ USD/BRL วิ่งอยู่ในแนวโน้มขาลงมาอย่างยาวนาน
กราฟตลาดราคาน้ำตาลถือเป็นตลาดที่มีความอ่อนไหวสูงและยังส่งผลกระทบต่อการเทียบมูลค่าสกุลเงินระหว่างเรียลบราซิลและดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2011 เมื่อครั้งที่ราคาน้ำตาลขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ที่ 36.08 เซนต์ต่อปอนด์ ตอนนี้กราฟ BRL/USD ก็ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ที่ $0.65095 และในปีนี้ที่ราคาน้ำตาลลงมายังระดับราคา 10.29 เซนต์ในสัปดาห์ที่แล้ว (คิดเป็นการร่วงลง 71.48% ตั้งแต่ปี 2011) กราฟ BRL/USD ก็ร่วงลงมายัง $0.1734 คิดเป็นการปรับตัวลดลง 73.36% จึงพูดได้ว่าราคาน้ำตาลของบราซิลที่ 36 เซนต์ของเดือนพฤศภาคมปี 2020 มีราคาสูงมากกว่าที่เคยทำไว้ในปี 2011 ที่ 1.88%
ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าตลาดน้ำตาล น้ำมันดิบและสกุลเงินเรียลของบราซิลมีความเกี่ยวข้องกันและเป็นปัจจัยที่นักลงทุนจะต้องจับตามองเมื่อคิดที่จะลงทุนในตลาดน้ำมันดิบ ทั้งสามตลาดสามารถสร้างอิทธิพลให้แก่กันและกันซึ่งนำมาสู่ความผกผันของราคาได้