🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์นี้: Netflix, Intel, Coca-Cola

เผยแพร่ 20/04/2563 17:13
IXIC
-

สัปดาห์นี้นอกจากจะต้องจับตาดูสถานการณ์โควิด-19 กันต่อแล้วเรายังต้องจับตาดูรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ของบริษัทในอเมริกาซึ่งเริ่มรายงานผลประกอบการมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วซึ่งสัปดาห์นี้เป็นคิวของบริษัทชื่อดังอย่างเน็ตฟลิกซ์ โคคาโคลา และอินเทล

 

สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจกับสหรัฐอเมริกาคือการจับตาดูความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกมาตรการปิดล็อคเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งๆ ที่วิกฤตไวรัสโคโรนาในประเทศแม้จะดีขึ้นแต่ก็ยังไม่สงบดี แม้จะดูเสี่ยงแต่นักลงทุนก็ดูมีความหวังกับข่าวนี้เป็นอย่างมากและหวังให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ รีบกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็ว

 

ในตอนนี้ดัชนี S&P 500 สามารถปรับตัวขึ้นมาได้เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันและเป็นขาขึ้นที่มีอายุยาวที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ รวมแล้วดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมา 31% หลังจากที่ลงไปสร้างจุดต่ำสุดของปีเอาไว้เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยังไม่มีความแน่นอนเช่นนี้รายงานผลประกอบการจึงถือเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับนักลงทุน นอกจากจะดูว่าข้อมูลที่ออกมาตรงกับที่คาดการณ์หรือไม่เหล่านักวิเคราะห์จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปประเมินทิศทางความเป็นได้ที่บริษัทจะเดินต่อไปในอนาคต

 

1. Netflix  

 

บริษัทผู้ให้บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ในวันอังคารที่ 21 เมษายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าเน็ตฟลิกซ์จะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.67 และมียอดทำกำไรรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ $5,470 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

นอกจากแอมะซอนแล้ว (NASDAQ:AMZN) หุ้นเน็ตฟลิกซ์ถือเป็นอีกตัวที่สามารถทำผลงานได้อย่างก้าวกระโดดในช่วงวิกฤตโควิด-19 เรียกได้ว่ามรสุมโรคระบาดครั้งนี้คือโอกาสทองของหุ้นสำหรับ “การอยู่บ้าน” อย่างแท้จริง

thai

นับตั้งแต่เริ่มปี 2020 มาจนถึงวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ทะยานขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 31% เมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวลดลง 11% การปรับตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิดครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ปีที่แล้วเน็ตฟลิกซ์ได้ชื่อว่าทำผลงานได้แย่ที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม “5 เทพหุ้นเทคฯ (FAANG)”

 

ถ้ารายงานผลประกอบการของเน็ตฟลิกซ์ในสัปดาห์นี้ออกมาดีเกินคาดเชื่อว่าจะสร้างแรงกดดันให้กับบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์อีกมากมายที่คิดจะขึ้นมาถ้าชิงตำแหน่งราชาภาพยนตร์สตรีมมิ่งกับเน็ตฟลิกซ์ในปีนี้และยังเป็นการชี้ให้วงการภาพยนตร์เห็นด้วยว่าพวกเขาต้องเร่งปรับตัวแล้ว

 

2. Coca-Cola

 

บริษัทแบรนด์น้ำอัดลมที่ไม่มีใครไม่รู้จักอย่างโคคาโคลา (NYSE:KO) จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ในวันเดียวกันกับเน็ตฟลิกซ์แต่จะรายงานก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าโคคาโคลาจะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.44 และมียอดทำกำไรรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ $8,370 ล้านเหรียญสหรัฐ

Thai

เมื่อผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจกับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น บริษัทโคคาโคลาจึงต้องปรับตัวด้วยการหันไปลงทุนกันเครื่องดื่มอัดลมที่ลดสัดส่วนของน้ำมันตาลลงอย่างเช่น “Coke Plus Coffee” ซึ่งเป็นการต่อยอดมาจาก Coke Zero Sugar ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

 

อย่างไรก็ตามบริษัทโคคาโคลาก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่ต่างกับธุรกิจอื่นเมื่อร้านอาหารส่วนใหญ่ทั่วโลกถูกสั่งปิด เมื่อผู้บริโภคอยู่ในโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่แล้วทางเลือกของพวกเขาจึงย่อมมีมากกว่าที่จะเลือกโค๊กที่ถือว่าเป็นเครื่องดื่มทั่วไป ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นโคคาโคลามีราคาปิดอยู่ที่ $48.06 และตลอดทั้งปี 2020 ปรับตัวลดลงมาแล้วทั้งสิ้น 13%

 

3. Intel

 

บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ชื่อดังและใหญ่ที่สุดของอเมริกา (ในแง่ของตัวเลขผลกำไร) อย่างอินเทล (NASDAQ:INTC) กลับเข้ามาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนอีกครั้งหลังจากเห็นผลงานการวิ่งของหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อินเทลจะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ในวันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายนหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าอินเทลจะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.28 และมียอดทำกำไรรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ $18,630 ล้านเหรียญสหรัฐ

ชิปคอมพิวเตอร์ของอินเทลเป็นที่ต้องการอย่างมากในการมาของกระแสการรวมข้อมูลเอาไว้ในส่วนกลาง (data center) ก่อนที่ไวรัสโคโรนาจะเริ่มระบาดเสียอีก อย่างไรก็ตามอินเทลในช่วงปลายปีที่แล้วประสบปัญหาตกเป็นรองคู่แข่งเพราะไม่สามารถผลิตชิปคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่า 14 นาโนเมตรออกมาได้ รายงานผลประกอบการรอบล่าสุดพบว่าผลกำไรของอินเทลเติบโตขึ้นมาเพียง 2% เท่านั้น

 

ในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้นักลงทุนต้องการดูว่าอินเทลจะได้รับผลกระทบจากปริมาณความต้องการชิปที่ชะลอตัวลงเพราะพิษโควิด-19 หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนต้องการจะดูว่าอินเทลจะมีวิสัยทัศน์ในอนาคตที่คนอยู่บ้านมากขึ้นและต้องการใช้คอมพิวเตอร์มากขึ้นต่อไปเช่นไร เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นอินเทลมีราคาปิดอยู่ที่ $60.36 ดีดตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดได้อย่างแข็งแกร่ง ปัจจุบันหุ้นอินเทลทะยานขึ้่นมาจากจุดต่ำสุดเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ $42.86 แล้วทั้งสิ้น 40% ผลจากรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีนี้อาจทำให้หุ้นอินเทลปรับตัวสูงขึ้นไปอีก

 

 

 

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย